ต้องหงายเงิบ! ไปตามๆ นำเข้าเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2560 โดย จุฬา ศรีบุตตะ อ่าน [58541]
บรรดานักเลงคีย์บอดต้องหงายเงิบ! ไปตามๆ กันเมื่อครม.ประยุทธ์5ไม่ปรากฏชื่อรมต.ศึกษาตามโผ เพราะกลายเป็นศ.นพ.อุดม คชิคชินทรม้ามืดมานั่ง"รมช.ศึกษาฯ"แทน
ก่อนหน้านี้ หมออุดม ก็เพิ่งประกาศลาออกจากอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) ทั้งน้ำตา กลางที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเอกฉันท์ให้ลาออก โดยมีผลในวันที่ 1 ส.ค. 2560
เหตุเพราะรองอธิการบดีทั้ง 13 คน ยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2560 เนื่องจากมีข้อจำกัดทั้งส่วนตัวและครอบครัว ต่อเงื่อนไข ที่กำหนดบังคับใช้ใหม่ในการดำรงตำแหน่งรองอธิการบดี ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ตามประกาศของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.).....
อีกทั้งเหลือระยะเวลาดำรงตำแหน่งเพียงปีกว่า เกรงว่าหากสรรหารองอธิการบดีคนใหม่ต่อไป จะทำให้การดำเนินงานของมหาวิทยาลัยไม่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
การตั้ง ศ.นพ.อุดม คชินทร ขึ้นมาเป็น รมช.ศึกษาธิการ ส่งสัญญาณชัดเจน เพื่อเป็นการรองรับการตั้งกระทรวงใหม่ที่เรียกว่า กระทรวงอุดมศึกษา ที่กำลังอยู่ในระหว่างร่างกฎหมาย
ด้วยสมัยบิ๊กหนุ่ยพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อปี 2559 ก็มอบโจทย์ให้แยกสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา(สกอ.) ออกจากกระทรวงศึกษาธิการ หวังให้คุณภาพบัณฑิตและแก้ไขปัญหาธรรมาภิบาล ที่มีข้อร้องเรียนจำนวนมาก
ศ.นพ.อุดมอธิการบดี มม. ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ก็รับโจทย์นี้ และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะเตรียมและศึกษาการจัดตั้งกระทรวงอุดมศึกษา เมื่อต้นปี 2560
ขณะที่การจัดทำร่าง พ.ร.บ.การอุดมศึกษา ยังไม่แล้วเสร็จ กำลังพิจารณาเพื่อให้สามารถตอบโจทย์ประเทศ ตามนโยบาย Thailand 4.0ได้ ก่อนจะเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี นำเข้ากฤษฎีกา และ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ตามขั้นตอนการออกกฏหมายต่อไป
"กระทรวงอุดมศึกษาหากเกิดขึ้นจริง ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เคยกล่าวไว้ว่า ถ้าไม่เสร็จในยุคนี้ ต่อไปคงไม่ได้เกิดกระทรวงอุดมศึกษาแน่นอน
น่าสังเกตุว่าการปรับ ครม.ประยุทธ์ มาแล้ว 5 ครั้ง ทุกครั้งไม่เคยมี ตัวแทนครู ก้าวขึ้นมาเป็นปากเป็นเสียง แทนครูกว่า 4 แสนคน จากสถานศึกษาทั่วประเทศกว่า 39,000 โรงเรียน เป็นการ จงใจ หรือ หาคนเหมาะสมไม่ได้ แต่นี่คือจุดอ่อนที่ไม่อาจมองข้าม ทำให้"วังจันทรเกษม" ยามนี้อยู่ภายใต้ผู้นำ 2หมอ1ทหาร ที่มีหมอธี นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ยังนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้คุมกระทรวงศึกษาธิการแบบเหนียวแน่น มี บิ๊กน้อยพล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ และ หมออุดม" ศ.นพ.อุดม คชินทร 2 รมช.ศึกษาธิการ ่
ซ้ำร้ายหากไม่ปรับสไตล์การบริหารกระทรวงศึกษาธิการ ที่ยังเป็นในลักษณะ single command ห้ามเถียง ห้ามถาม ให้ทำตามลูกเดียว เป็น การบริหารแบบมีส่วนร่วม รับฟังผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ในการจัดการศึกษาให้มากขึ้น องค์กรวิชาชีพต่างๆไม่ว่าจะเป็นคุรุสภา สกสค. และ ก.ค.ศ. ต้องมีตัวแทนของครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา ทั้งสถานศึกษาของรัฐและเอกชน
รอยปริแยก แตกร้าวในวังจันทร์ เห็นชัดเจนหลังคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 19/2560 ข้อ13 ต้นเหตุของความล้มเหลวในการปฎิรูปการศึกษาระดับภูมิภาค จนทำให้"ศึกษาธิการจังหวัด" (ศธจ.) ติดหล่มงานบริหารงานบุคคล จนแทบขยับตัวทำเรื่องยุทธศาสตร์การศึกษาของจังหวัดไม่ได้เลย เกิดการทำงานทับซ้อนในเขตพื้นที่การศึกษา
แม้ในอนาคต กระทรวงอุดมศึกษา จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ แต่ ณ วันนี้ "สถานศึกษา" ค่อนประเทศไทย หมดหวัง ไม่สนใจว่าใครจะมาเป็นรัฐมนตรี ใครจะมาเป็นเลขาธิการใครจะมาเป็นผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา หรือ ศึกษาธิการภาค/จังหวัด เพราะช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆดังกล่าว คิดทำอะไรก็ไม่ได้ส่งผลถึงผู้เรียน หรือเด็กและเยาวชนเลย
ซ้ำร้าย!! นโยบาย หรือ การดำเนินงานบางอย่าง ที่ท่านเหล่านี้คิด ยังมาเบียดบังเวลาและแรงงานของคุณครูที่จะทำให้ผู้เรียนเป็น"คนดีคนเก่ง"เสียอีก!!
ข้อสรุปที่สุดแสนเจ็บปวดมาก!! จากผู้บริหารโรงเรียนและคณะครู ก็คือกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สำนักงานศึกษาธิการภาค/จังหวัด ไม่สามารถเป็นที่พึ่งของโรงเรียนได้ อีกต่อไป ระวังการปรับครม.ประยุทธ์5เท่ากับเสียของนะขอบอก!!
0 กมลทิพย์ ใบเงิน 0 รายงาน
pateekamolthip@gmail.com
|