รอยร้าวบนผนัง
นำเข้าเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2560 โดย จุฬา ศรีบุตตะ
อ่าน [58531]  

.....

 บ้านลุงแซม

 

                  ก่อนวันที่โดนัลด์ ทรัมป์จะสาบานตนเป็นประธานาธิบดีอเมริกา สถาบันวิจัยพิวเผยแพร่ผลสำรวจเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 ม.ค. พบว่าชาวอเมริกันร้อยละ 86 รู้สึกว่า บ้านลุงแซมกำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ อันเกิดจากความแตกแยกทางการเมืองเพิ่มขึ้นจากเมื่อ 8 ปีที่แล้ว เพราะเคยมีการสำรวจหัวข้อเดียวกันนี้เมื่อ 8 ปีก่อน ผลสำรวจคือในเวลานั้นมีมะริกันชนรู้สึกว่าประเทศนี้แตกร้าวเพียงแค่ร้อยละ 46   แต่มาวันนี้คงต้องบอกว่ารากฐานและเสาเข็มบ้านลุงแซมสะเทือนอย่างหนัก จนได้ตัวเลขถึง 86 เปอร์เซนต์ตามผลสำรวจนั่นแหละ

 

                        ไม่ต้องดูอื่นดูไกล เอาแค่เรื่องง่ายๆ ช่วงนี้มีข่าวออกมาบ่อยๆ ว่าทางสายการบินในอเมริกาต้อง “เชิญ” หรือพูดแบบบ้านๆ คือ “ไล่” ผู้โดยสารลงหลายหน เพราะผู้โดยสารทะเลาะด่าทอกันเรื่องขั้วข้างทางการเมือง ทั้งฝ่ายสนับสนุนทรัมป์และฝ่ายต่อต้าน ฟังดูคุ้นๆ หูชอบกลนะเรื่องแนวๆ นี้

 

                            อย่างไรก็ตาม พี่ทรัมป์ของเราก็ยังยิ้มระรื่นพลางอวดศักดานุภาพด้วยการเซนต์คำสั่งนั่นนี่สร้างความฉิบหายวุ่นวายไปทั้งประเทศและส่งผลกระเพื่อมไปทั้งโลก เริ่มด้วยการที่เฮียแตะกฎหมายประกันสุขภาพถ้วนหน้า (Affordable Care Act)  หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “โอบาม่าแคร์” ตั้งแต่วันแรกที่หย่อนก้นในห้องทำงานประจำทำเนียบขาว เท่านั้นยังไม่พอ เฮียทรัมป์ก็สะบัดปลายปากกาถอนยวงออกจากความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-Pacific Partnership หรือ TPP) อย่างเป็นทางการ งานนี้พญามังกรลูบหนวดแล้วซ่อนยิ้มในใบหน้ากันเลยทีเดียว ดูแล้วเหมือนถอนรากถอนโคนสิ่งที่รัฐบาลโอบาม่าทำไว้นั่นเอง  เพราะเรื่องนี้เป็นทีเด็ดในนโยบายปักหมุดเอเชีย-แปซิฟิกของรัฐบาลโอบามาเพื่อถ่วงดุลจีน

                       ความซ่าของเฮียแกไม่หมดเท่านี้ เฮียทรัมป์หันไปคำรามใส่พญามังกรท้าทายต่างๆ นานาให้มาเลี๊ยะพ๊ะ โดยมีประเด็นหลักๆ คือ นโยบายจีนเดียว ซึ่งอาเฮียมังกรจีนย้ำเสมอว่า อย่างไรเสีย ลุงแซมก็ต้องคบค้าสมาคมกับจีนเดียว  ไม่เช่นนั้นอาจจะเจอจีนเตี๊ยะ ส่วนอีกประเด็นคือ เกาะเทียมเจ้าปัญหาในทะเลจีนใต้ ซึ่งอาเฮียแกเดินลากเกี๊ยะไปจับจองถมทะเลอย่างหน้าตาเฉย ทั้งสองประเด็นนี้แหละที่เปรยๆ ทีไร พญามังกรเต้นผางออกงิ้วทุกรอบ

                      พักเรื่องทรัมป์ท้าประลองกำลังกับมังกรจีนไว้ก่อน เพราะคงยืดเยื้อจิกตาใส่กันไปมาอีกยาวนาน หันมามองเพื่อนบ้านลุงแซมอย่างเม็กซิโก พี่ทรัมป์ก็เว้งแตกอย่างไม่ยี่หระ แถมย้ำว่าจะต้องสร้างกำแพงกั้นระหว่างสองประเทศให้ได้ โดยให้พี่เม็กเป็นคนจ่ายค่าก่อสร้าง ล่าสุดป๋าทรัมป์ใช้อำนาจพิเศษลงนามในคำสั่งสร้างกำแพงกั้นชายแดนอเมริกากับเม็กซิโกระยะทาง 3,200 กิโลเมตร แถมจะถอนเงินช่วยเหลือของรัฐบาลกลางจากรัฐและเมืองต่างๆ ที่เป็นแหล่งซ่อนตัวของพวกคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย

                       ส่วนเงินค่าก่อสร้างกำแพงเมืองลุงแซมนั้น ลุงแกเอื้อมมือไปบีบไข่เม็กซิโกให้ต้องจ่ายอีกต่างหาก ป้าดดด..เฮียขา เม็กซิโกนี่ยากจนทั้งประเทศ จะไปเอาเงินที่ไหนมาทูลเกล้าถวายเฮียคะ  แต่ละวันนี่มีแต่จะหาทางลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย โดยจ้างพวกโคโยตี้หรือนายหน้าเป็นคนพาเข้ามาจากชายแดน เพื่อเอาดอลลาร์มาประทังชีวิต

 

                      เฮียทรัมป์กำลังโชว์ออฟด้วยการทำตัวเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ให้เป็นที่ถูกอกถูกใจตบมือกระทืบตีนในฝั่งผู้สนับสนุนตน เพราะเรื่องการสร้างกำแพงนี้เป็นนโยบายหนึ่งของทรัมป์เลยทีเดียว ทุกครั้งที่ทรัมป์เดินสายหาเสียงตามรัฐต่างๆ  บรรดาผู้สนับสนุนจะต้องตะโกนเชียร์ตลอดเวลาว่า

                     พอเซนต์คำสั่งให้สร้างกำแพงปุ๊บ ทางฝั่งเม็กซิโกก็ออกมาต่อต้านทันที อันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ผู้นำพรรคฝ่ายค้านเรียกร้องรัฐบาลให้ยื่นฟ้องต่อองค์การสหประชาชาติ เพื่อเอาผิดลุงแซมภายใต้การนำของลุงทรัมป์โทษฐานละเมิดสิทธิมนุษยชนและกีดกันทางเชื้อชาติ ส่วนประธานาธิบดีสุดหล่อแหงเม็กซิโกยกเลิกการเดินทางไปหาตาทรัมป์ในอเมริกาแล้วออกมาประกาศกร้าวว่า

                   “อย่างไรอั๊วก็ไม่จ่ายค่าก่อสร้างกำแพงโว้ย”

ประธานาธิบดีผมเป๋ยักไหล่แล้วสั่งการให้เจ้าหน้าที่เริ่มออกแบบก่อสร้างกำแพงตามแนวชายแดนด้านใต้ติดกับเม็กซิโกระยะทาง 3,200 กิโลเมตรทันที พร้อมประกาศเดินหน้าเต็มตัวว่านับจากวันนี้ไป อเมริกาจะกลับมาควบคุมแนวชายแดนของตนเอง เพื่อสกัดกั้นการลักลอบเข้าประเทศของพี่เม็ก

                    คำสั่งนี้ยังครอบคลุมถึงการตัดงบประมาณของรัฐบาลกลางสำหรับรัฐหรือเมืองในสหรัฐฯที่ให้ที่พักพิงแก่ผู้ลักลอบอพยพเข้าอเมริกา รวมทั้งว่าจ้างเจ้าหน้าที่ศุลกากรและการป้องกันชายแดนเพิ่มอีก 5,000 คนเพื่อคอยสอดส่องป้องกันการพยายามลักลอบข้ามแดน เพิ่มเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรอีกป็น 3 เท่าตัว เพื่อจับกุมและเนรเทศผู้ที่อาศัยอยู่ในอเมริกาอย่างผิดกฎหมาย

               เว้ากันซื่อๆ ไม่มีใครรู้หรอกว่าไอ้กำแพงที่จะสร้างนั้นมันคุ้มค่าโสหุ้ยหรือเปล่า ที่สำคัญจะป้องกันได้จริงไหม เพราะระยะหลังนี่พี่เม็กมีพัฒนาการทางลักลอบเข้าบ้านลุงแซมมากขึ้น แทนที่จะวิ่งโร่ข้ามทะเลทรายให้หนามตะบองเพชรตำตีน พี่แกก็ขุดอุโมงค์ทะลุประเทศเข้ามาเลย  การที่ป๋าทรัมป์ทำแบบนี้เหมือนหยามหมิ่นเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงเหมือนเป็นศัครูคู่อาฆาต  ซ้ำยังทำลายสิทธิเสรีภาพอันเป็นมาตรฐานของประเทศประชาธิปไตยด้วย

                    ล่าสุดพี่ทรัมป์ผมเป๋ก็ฟาดก้นพี่เม็กอีกป้าบใหญ่ ด้วยการเรียกเก็บภาษีใหม่โดยรีด 20 เปอร์เซ็นต์ต่อสินค้าต่างๆที่นำเข้าจากเม็กซิโก เพื่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนระหว่างสองชาติ  จะดีหรือเฮียทรัมป์..ขืนทำแบบนี้อะโวคาโดที่ลูกละแค่ 1 ดอลลาร์คงพุ่งขึ้นจนกลายเป็นผลไม้สวรรค์อย่างแน่นอนนะ พี่ทรัมป์

                   เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาถือว่าเป็นหายนะสำหรับชาวมุสลิม 7 ประเทศโดยแท้ เพราะพี่ทรัมป์ลงนามในคำสั่งงดรับผู้ลี้ภัยเข้าประเทศรวมถึงระงับการออกวีซาให้แก่พลเมือง 7 ชาติมุสลิมเป็นเวลา 90 วัน ชาติเหล่านั้นได้แก่ อิหร่าน อิรัก ลิเบีย โซมาเลีย ซูดาน ซีเรีย และ เยเมน ท่ามกลางเสียงโห่ฮาด่าทอของนักสิทธิมนุษยชน แต่ทรัมป์ยื่นหน้าไปเถียงว่าที่ทำแบบนี้เพราะต้องการปกป้องอเมริกาให้ปลอดภัยจาก “ผู้ก่อการร้ายอิสลามหัวรุนแรง”

                   คำสั่งของทรัมป์ จะส่งผลให้โครงการรับผู้ลี้ภัยเข้ามาตั้งถิ่นฐานถูกระงับไว้อย่างน้อย 120 วัน ซ้ำยังห้ามผู้ลี้ภัยชาวซีเรียเดินทางเข้าบ้านลุงแซมโดยไม่มีกำหนด  ระหว่างที่โครงการรับผู้ลี้ภัยและการออกวีซาถูกระงับ ลุงแซมจะพิจารณาออกกฎใหม่ที่ทรัมป์เรียกว่า “ระบบคัดกรองอย่างเข้มข้น” (Extreme Vetting) เพื่อตรวจสอบประวัติของผู้ยื่นคำร้องอย่างละเอียด จะว่าไปแล้วไอ้คำสวยๆ หน่วยคัดกรองอะไรนั่นก็แค่วาทกรรมลวงโลก เพื่อเอาไว้กีดกันมุสลิมนั่นแหละ แถมคำสั่งบ้าๆ นี่ขัดต่อรัฐธรรมนูญอเมริกันที่ห้ามการกีดกันทางศาสนาชัดๆ

                 ความหายนะส่งผลให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมทันที เพราะวุ่นไปทั้งโลก โดยเฉพาะสายการบินต่างๆ และสนามบินทั้งหลาย มีนักท่องเที่ยวรวมทั้งคนจากประเทศทั้ง 7 ถูกกักตัวที่สนามบินอย่างไรอนาคตและคำตอบ ส่วนอิหร่านออกมาชูกำปั้นหราประกาศต่อโลกทันทีว่าขอประณามคำสั่งนี้เพราะถือว่าดูถูกโลกมุสลิมอย่างสุดติ่งกระดิ่งแมว  แล้วขู่ฟ่อกลับว่าจะตอบโต้สหรัฐฯทั้งทางกฏหมายและการทูตอย่างสาสม

                ทำเนียบขาวทำให้ผู้ที่ถือกรีนการ์ดเกิดความตื่นตระหนกโดยทั่วกัน ด้วยการแถลงเตือนว่าผู้ถือกรีนคาร์ดที่ยังอยู่นอกประเทศ ประมาณไปเที่ยวหรือกลับไปเยี่ยมแผ่นดินเกิด และต้องการเดินทางกลับเข้าอเมริกาจะต้องได้รับการตรวจสอบเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่กระทรวงมาตุภูมิสหรัฐฯระบุว่า ผู้ถือกรีนการ์ดอันหมายถึงสามารถอยู่อาศัยในอเมริกาถาวรนั้นถูกรวมอยู่ในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งแบนของประธานาธิบดีผมเป๋ด้วยเช่นกัน

                  คำสั่งห้ามคนจาก 7 ชาติมุสลิมเข้าอเมริกาทำให้เกิดความสับสนอลหม่านทั้งในอเมริกาและต่างแดน เนื่องจากคนจำนวนมากถูกกักตัวอยู่ตามสนามบินใหญ่ๆ  และผู้คนจำนวนมากถูกห้ามขึ้นหรือลงจากเครื่องบินตามสนามบินหลายแห่งทั่วโลก

              เพียงแค่อาทิตย์เดียวที่พี่ทรัมป์เข้ามาบริหาร โลกก็วุ่นวายเอาการเสียแล้ว ยังไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร และพี่ทรัมป์จะอยู่ครบ 4 ปีหรือไม่  มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่จะรู้

 

 
กำลังแสดงหน้าที่ 1 จากทั้งหมด 0 หน้า [หน้าถัดไปคือหน้าที่ 2] 1
 

 
เงื่อนไขแสดงความคิดเห็น
1. ทุกท่านมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระเสรี โดยไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ไม่กล่าวพาดพิง และไม่สร้างความแตกแยก
2. ผู้ดูแลระบบขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใด ๆ ต่อเจ้าของความคิดเห็นนั้น
3. ความคิดเห็นเหล่านี้ ไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมาย และไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้นกับคณะผู้จัดทำเว็บไซต์

ชื่อ :

อีเมล์ :

ความคิดเห็นของคุณ :
                                  

              * ใส่รหัสจากภาพที่เห็นลงในช่องด้านล่าง และใส่คำตอบจากคำถาม เพื่อยืนยันการส่งความเห็น
  และสำลีสีอะไร
    

          ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการแสดงความคิดเห็นโดยสาธารณชน ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าชื่อผู้เขียนที่้เห็นคือชื่อจริง และข้อความที่เห็นเป็นความจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ boyoty999@google.com  เพื่อให้ผู้ดูแลระบบทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้