อาเซียนตัวจริง
นำเข้าเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2559 โดย จุฬา ศรีบุตตะ
อ่าน [58524]  

.....

•                      “ไทย” ศูนย์กลางอาเซียนตัวจริง นี่คือความเปลี่ยนแปลงที่เกิด แต่เอเชียทั้งเอเชียมันจะใกล้กันมากขึ้น พึ่งพิงกันมากขึ้น แต่หัวใจของเอเชียนั้นเราก็รู้อยู่แล้วว่า ข้างหนึ่งยังอยู่ที่ประเทศจีน ขาอีกข้างหนึ่งอยู่ที่อาเซียน ยังไงก็ทิ้งอาเซียนไม่ได้ เพราะอาเซียนนั้นมี 10 ประเทศ เป็นซัพพลายเชน (ห่วงโซ่อุปทาน) สำคัญของโลก และอาเซียนนั้นกึ่งกลางของมันก็คือ CLMV จริงๆ แล้วไทยคือจุดศูนย์กลางอยู่แล้ว

                        ไทยเป็นผู้นำโดยปริยายอยู่แล้ว แต่เราไม่ต้องไปพูด แต่เราต้องมียุทธศาสตร์ซึ่งทำให้ CLMV นั้นต้องมาร่วมกับเรา ฉะนั้นในขณะที่จีนก็ดี เข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องของโครงการล้านช้าง ญี่ปุ่นเข้ามาในเรื่องของจีเอ็มเอส เกาหลีก็เข้ามา อินเดียก็เข้ามา เราต้องใช้จุดนี้ที่ประเทศไทยเป็นจุดกึ่งกลาง สร้างนโยบายที่ดึงกลุ่ม CLMV นั้นมาเข้ากลุ่มกันให้มีพลังที่เข้มแข็ง ประเทศไทยจึงจะมีบทบาทการนำที่ชัดเจน

                       ประเทศที่มีจุดการนำที่ชัดเจนจะเป็นประเทศที่ได้เปรียบสูงสุดเมื่อมีการลงทุนจากต่างประเทศ หรือที่บอกว่าไอ้บทบาทนำนี่แหละคือหัวใจ สิงคโปร์พยายามใช้บทบาทนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มานานแล้ว ต่อจากนี้ไปถ้าเราทำได้ดี เราจะขึ้นมาฐานะตรงนี้ได้ ถ้าเราทำอย่างนี้หมายความว่า เรากำลังจะพยายามทำให้ประเทศไทยนั้นเป็นเพชรเม็ดหนึ่งของ CLMV วิธีนั้นก็คือว่า ทำยังไงให้เรานั้นสามารถเป็นแหล่งจูงใจการลงทุนที่เหมาะที่สุด อุปสรรคทั้งหลายทางการค้าการลงทุนขจัดให้หมด คอร์รัปชั่นให้มันน้อยที่สุด อะไรทั้งหลายที่ทำให้คนอื่นเขาไม่อยากจะเข้ามา เราจะต้องขจัดมันออกไป

                            ถ้าเราทำได้อย่างนั้น กลุ่มธุรกิจของเราคงจะสามารถร่วมกับกลุ่มธุรกิจในประเทศ CLMV สร้างเศรษฐกิจขยายออกไป และสามารถก้าวกระโดดไปสู่โลกข้างหน้า อย่าลืมว่าใน 5 ปี ข้างหน้า อินเตอร์เน็ตจะมีที่เมืองไทย กับเวียดนามแน่นอน แต่ประเทศอื่นยังช้าอยู่ ฉะนั้นถ้าเราสามารถลงทุนในเรื่องของเออีซีได้เร็ว เราลงทุนเรื่องอินเตอร์เน็ตเกตเวย์ได้เร็ว เรากับเวียดนามจะชิงธงกัน ผมไปประชุมแอคเมคส์ (การประชุมยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจลุ่มน้ำอิระวดี เจ้าพระยา แม่โขง; ACMECS) ที่เวียดนาม สิ่งที่เห็นชัดคือว่า

                        โอกาสนี้เป็นโอกาสดีมากที่เราจะร่วมมือกันได้ ผู้นำเวียดนามคนนี้เป็นคนที่มีน้ำใจ เป็นคนที่รู้จักการผ่อนปรน อะไรที่เราเสนอไปว่า ธุรกิจไทยเดือดร้อน มีปัญหา เขารับเข้ามาอย่างกระตือรือร้น ผู้นำอย่างฮุน เซน ไม่ว่าพม่า ไม่ว่าลาว ทุกคนใกล้ชิดกัน ฉะนั้นเป็นโอกาสที่ซีแอลเอ็มวี จะเป็นปึกแผ่น และแข็งตัวขึ้นมาได้ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งทีเราจะต้องเตรียมพร้อม ฉะนั้นการที่ท่านพรีเซนต์ในวันนี้ผมดีใจ แล้วก็มีกำลังใจ เพราะท่านเข้าใจ ต่อไปข้างหน้า ปีหน้าโอกาสท่านจะมีมากกว่านี้อีกผมจะบอกให้ •

                           การขับเคลื่อนเศรษฐกิจแบบกลุ่มจังหวัด 20 กลุ่ม 70 กว่าจังหวัด สิ่งหนึ่งที่ท่านนายกฯ หารือกับทีมงานผมก็คือว่า ปีหน้าเราจะใช้ในเรื่องของงบประมาณเป็นตัวขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศอย่างจริงจัง ไม่ว่าการศึกษา หรืออื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับเคลื่อนโดยใช้พื้นที่ 10 กว่าปีที่แล้วผมพยายามนำเสนอแนวความคิด ทุกท่านคงทราบดี ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยใช้พื้นที่กลุ่มจังหวัด เราเห็นตัวอย่างจากจีน เขาก้าวกระโดดมา 20 ปี เขาไม่ได้มาจากส่วนกลาง เขามาจากพื้นที่ วางยุทธศาสตร์ขับเคลื่อน

                      ส่วนการลงทุนในสิ่งที่จำเป็นนั่นเป็นโครงการใหญ่ร่วมกันทั้งประเทศ ฉะนั้นแนวความคิดนี้ทางการเมืองเนี่ยลำบาก เพราะ ส.ส.ก็ดี นักการเมืองก็ดี ต้องการคอนโทรลงบประมาณของส่วนกลาง แต่ถ้าเราทำได้ว่า ให้กลุ่มจังหวัดเป็นตัวขับเคลื่อน นั่นหมายความว่าคุณจะมีเครื่องปั๊มเศรษฐกิจ 70 กว่าจังหวัด 20 กว่ากลุ่มจังหวัด แผนการยุทธศาสตร์มันไม่ได้มาจากส่วนกลาง คุณไม่ต้องมานั่งลงคิวให้ตรงกับในส่วนกลางจัดสรรงบประมาณออกไป แต่คุณสามารถคิดได้ ณ จุดนี้ว่า ว่า คุณจะทำอะไรเพื่อให้คลัสเตอร์จังหวัดของคุณสามารถเป็นพลังที่แท้จริงของในการขับเคลื่อนให้ได้ ฉะนั้น งบประมาณปี 61 ออกมาที่จะออกตุลาคมนี้ แทนที่จะมีงบประมาณแค่ 20,000 ล้าน

                             สำหรับกลุ่มจังหวัดได้มาแล้วจังหวัดละ 400-500 ล้าน เราจะพยายามแบ่งให้ได้งบประมาณ 40,000 ล้าน และทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์สำหรับพื้นที่ แต่ในขณะเดียวกัน งบประมาณที่จ่ายไม่หมดก่อน 31 ธันวาคม เรียกคืนมาหมด ตัดเป็นการลงทุนขนาดย่อยกระจายไปสู่กลุ่มจังหวัด จะทำตั้งแต่บัดนี้ หมายความว่า 31 ธันวาคม งบประมาณที่เกินพันล้านทำไม่ได้ทุกซิวกลับคืนแล้วไปเสริมงบประมาณจังหวัดในปีต่อไป ในขณะเดียวกัน ในช่วงเวลาตั้งแต่มกราคม กุมภาพันธ์ ถึงกันยายน ก่อนที่งบประมาณปี 61 จะเริ่มใช้

                          เราจะไม่เสียเวลากับการรอคอย เราจะจัดหางบประมาณเพิ่มขึ้นมาก้อนหนึ่งเพื่อขับเคลื่อน 4.0 ให้มีการเติบโตจากภายใน และการสร้าง 4.0 วิธีทันสมัยควบคู่กันไป และจะทำการขับเคลื่อนงบประมาณก้อนนี้โดยกลุ่มจังหวัดเพื่อให้งบประมาณที่เราจะปรับปรุงจากที่ใช้ไม่ทันช่วงสิ้นปี บวกกับที่จะเข้ามาใหม่ บวกกับปี 61 ทุกอย่างจะต่อท่อตรงกันไปสู่อนาคตเป็นแผน 4-5 ปี ข้างหน้าเพื่อให้รัฐบาลใหม่นั้น สามารถจะสานต่อ และสิ่งที่จะทำนั้นจะต้องไม่กระทบฐานะการคลังจนเกินไป วันนี้เรามีหนี้สาธารณะต่อจีดีพี เพียงแค่ร้อยละ 42 กว่า สิ่งเหล่านี้ถ้าเราใช้เงินเพิ่มขึ้น ยังไงเสียก็ทำได้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเงินเหล่านั้น

                          จะต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และหนี้ต่อจีดีพีนั้นจะต้องไม่ให้เกินร้อยละ 45 โดยสากลมีได้ถึงร้อยละ 60 แต่เราไม่มีทางทำอย่างนั้น แต่เราจะเอาเงินเหล่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ถามว่าเอาเงินเหล่านั้น มาจำนำข้าวมั้ย ก็คิดง่ายๆ ไม่ต้องมีแรงกดดัน ไม่ต้องกลัวคนด่า ไม่ต้องกลัวชาวนาน้อยใจ ทำไม่ยากหรอก จีดีพีมันก็ขึ้น ถ้าทำอย่างนั้นแล้ว ชาวนาก็จนลงในอนาคตข้างหน้า คอร์รัปชันก็เกิด ภาระต่อรัฐบาลข้างหน้าอีกมหาศาล

                          ที่ผมกล่าวมานี้ ผมไม่ได้บอกว่านโยบายจำนำข้าวนั้นไม่ดี ผมบอกว่าไม่ว่านโยบายจำนำข้าวหรือหนี้อะไรก็แล้วแต่ที่ทำมา ถ้ามันถูกเอาไปใช้ในทางที่มิชอบบิดเบือนเพื่อผลทางการเมืองอันนี้อันตรายมาก ไม่เพียงก่อให้เกิดจุดแห่งการทุจริต ซึ่งมันมีช่องว่างเต็มไปหมด พวกท่านก็รู้ ท่านมาจากหอการค้าแต่ละจังหวัด ท่านก็รู้ในจังหวัดของท่านโรงสีไหนเป็นอย่างไร รู้อยู่กับตัวอยู่แล้ว รู้อยู่กับใจอยู่แล้ว ฉะนั้นเราไม่เลือกเส้นทางง่าย เราจะเอาเส้นทางที่ปฏิรูปทำให้ดี แล้ววางรากฐานให้รัฐบาลหน้าทำต่อ ฉะนั้นสิ่งที่ผมขอพวกท่านคือว่า

                          ถ้าในการเพิ่มงบประมาณขับเคลื่อนโดยกลุ่มจังหวัด สิ่งสำคัญก็คือว่า เราจะให้ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด จะต้องหารือกับภาคเอกชน ภาคประชาชน มหาวิทยาลัยในพื้นที่ เราจะให้เวลาท่านประมาณเดือนหรือสองเดือนเพื่อไปประชุมร่วมกัน ว่าจะทำอะไร สานต่อ แต่ขอร้องอย่างเดียวอย่ามัวคิดว่าจังหวัดผมจะได้อะไร อย่าทะเลาะกันด้วยเรื่องนี้ โอกาสนี้เป็นของทุกท่านแล้ว ดูว่าอะไรเกิดประโยชน์สูงสุด (เสียงปรบมือ) เช่น ภาคเหนือตอนบน ตรงไหนต้องเสริมต้องสร้าง ภาคกลางจะทำอะไร ภาคใต้จะทำอะไร งานนี้ต้องสามัคคี

                        ต้องเอาหมวกจังหวัดท่านทิ้งไปเลย ถ้าเราทำอย่างนี้ได้ร่วมกันทุกภาคส่วนได้ ขับเคลื่อนไปเรื่อยๆ ถ้าทำได้ดีอนาคตความเชื่อมั่นรัฐบาลต่อพวกท่านก็มีมากชึ้น งบประมาณก็สามารถจัดสรรให้พวกท่านได้ และถ้าท่านทำอย่างนี้ ผมบอกท่านเลยว่าจีดีพีมันจะตามมาเอง และมันจะอยู่อย่างยั่งยืน แล้วอนาคตข้างหน้า เราจะภูมิใจว่าเราทำเพื่อลูกหลานของเรา วันนี้ผมและทีมงานของผม ยอมแบก ยอมโดนด่า แต่ต้องการทำในสิ่งเหล่านี้

                     บางเรื่องสิ่งเหล่านี้เราอธิบายชาวนาไม่ได้ ไม่มีเวลา พวกท่านก็ต้องเป็นคนที่ช่วยอธิบาย ช่วยให้เกิดเป็นจริงอย่างที่ท่านเสนอมา เพราะสิ่งเหล่านี้คุณอธิบายยังไงระยะสั้นยังไงไม่เข้าใจ นี่คือแนวคิดที่บอกว่า รัฐบาลทำอะไร 4.0 คืออะไร และเราจะใช้อะไรเป็นตัวขับเคลื่อนงบประมาณนั้นเราเริ่มมาจากเรื่องของฟังก์ชัน มาสู่ Agenda จากวันนี้จะแบ่งส่วนเหล่านี้มาขับเคลื่อนในพื้นที่ ก็หวังอย่างยิ่งว่า พวกท่านจะเป็นกำลังสำคัญของรัฐบาล ฉะนั้นผมใช้เวลาอธิบายภาพรวมให้ท่านฟังเพื่อให้เข้าใจร่วมกันอย่างถ่องแท้

                           สื่อมวลชนก็เหมือนกัน อย่ามัวถามว่าสิ้นปีมีอะไรแปลกมั้ย อันนี้จะมีนโยบายแปลกใหม่มั้ย อันนี้จีดีพีจะกระตุ้นมั้ย เลิกคำถามง่ายๆ เสียที สิ่งเหล่านี้เรามีเวลาเพียงปีนึงเท่านั้นเอง ถ้าเราทำดีเราสามารถเป็นเกมเชนเจอร์ เป็นตัวเปลี่ยนเกมของการแข่งขันที่ประเทศไทยจะได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของ Geopolitics แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะไม่ดีก็ตาม ฉะนั้นตรงนี้ถามท่านในตอนต้นว่า “ใจสู้หรือเปล่า ไหวไม่ไหว มีศรัทธามั้ย” มีก็ปรบมือหน่อย

 

 
กำลังแสดงหน้าที่ 1 จากทั้งหมด 0 หน้า [หน้าถัดไปคือหน้าที่ 2] 1
 

 
เงื่อนไขแสดงความคิดเห็น
1. ทุกท่านมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระเสรี โดยไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ไม่กล่าวพาดพิง และไม่สร้างความแตกแยก
2. ผู้ดูแลระบบขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใด ๆ ต่อเจ้าของความคิดเห็นนั้น
3. ความคิดเห็นเหล่านี้ ไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมาย และไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้นกับคณะผู้จัดทำเว็บไซต์

ชื่อ :

อีเมล์ :

ความคิดเห็นของคุณ :
                                  

              * ใส่รหัสจากภาพที่เห็นลงในช่องด้านล่าง และใส่คำตอบจากคำถาม เพื่อยืนยันการส่งความเห็น
  และสำลีสีอะไร
    

          ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการแสดงความคิดเห็นโดยสาธารณชน ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าชื่อผู้เขียนที่้เห็นคือชื่อจริง และข้อความที่เห็นเป็นความจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ boyoty999@google.com  เพื่อให้ผู้ดูแลระบบทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้