กฎหมายปิโตรเลียมมีช่องโหว่
นำเข้าเมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2559 โดย จุฬา ศรีบุตตะ
อ่าน [58521]  

.....

                         "ปานเทพ" เผย สนช.รับกฎหมายปิโตรเลียมมีช่องโหว่ ไม่ก่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดแก่รัฐจริงตามที่ คปพ. เคยทักท้วง ผู้ตรวจการแผ่นดินก็เห็นด้วย ปตท. ต้องคืนท่อก๊าซ ด้านคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเห็นพ้องคัดค้าน พรบ.ปิโตรเลียม ที่รัฐบาลจัดทำขึ้น เหน็บถึงขนาดนี้แล้วรัฐยังจะฝืนดึงดันเดินหน้าอย่างไร้เหตุผลต่อไปได้อย่างไร? วันนี้ (12พ.ย.) เวลา 20.45 น. นายปานเทพ พัวพงศ์พันธ์ เครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงาน (คปพ.) โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ หัวข้อ โปรดฟังเสียง ภาคประชาชนที่สอดคล้องกับองค์กรตรวจสอบอิสระตามรัฐธรรมนูญ !? ตามข้อความดังนี้.. "ภาคประชาชน โดยเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.)

                        ซึ่งเคลื่อนไหวด้านพลังงานนั้นเคยถูกปรามาสว่าใช้ข้อมูลไม่น่าเชื่อถือบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง ฯลฯ บัดนี้เมื่อเวลาผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่มีการเคลื่อนไหวมาโดยตลอดของภาคประชาชนนั้น ได้ถูกยืนยันความเป็นจริงจากหลักฐานและเหตุการณ์สำคัญได้แก่ 1. ผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาการบังคับใช้

                          พรบ.ปิโตรเลียม 2514 และ พรบ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม 2514 ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ยืนยันว่ากฎหมายปิโตรเลียมทั้ง 2 ฉบับเดิมมีปัญหา ช่องโหว่ และไม่ก่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดแก่รัฐจริงตามที่ ภาคประชาชนเคยทักท้วงไว้ทุกประการ 2. กรณีภาคประชาชนและเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) ได้เรียกร้องว่า ปตท. คืนท่อก๊าซธรรมชาติไม่ครบถ้วนตามขั้นตอนของมติคณะรัฐมนตรีบัดนี้นอกจากจะมีมติคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้มีความเห็นสอดคล้องยืนยันเช่นเดียวกับภาคประชาชนแล้ว องค์กรตรวจสอบอิสระตามรัฐธรรมนูญทั้งสองแห่ง ยังทำหน้าที่ในการดำเนินคดีความกับผู้กระทำความผิดด้วย แม้แต่คณะกรรมการกฤษฎีกาซึ่งอยู่ในฐานะเป็นที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาลก็ลงมติไปในทิศทางเดียวกับภาคประชาชนเช่นกัน 3. กรณีที่ภาคประชาชน คัดค้าน พรบ.ปิโตรเลียม (ฉบับที่...) พ.ศ.... และ พรบ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่...) พ.ศ.... ที่รัฐบาลจัดทำขึ้นและผ่านความเห็นชอบในหลักการของสภานิติบัญญัติแห่งชาติไปแล้วนั้นไม่ได้ทำตามผลการศึกษาของ กรรมาธิการของสภานติบัญญัติแห่งชาติ (ตามข้อ 1.) และไม่เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ

                            วันที่ 11 พฤศจิกายน 2559 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เห็นว่าควรนำร่างกฎหมายของเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.)มาปรับปรุงร่างกฎหมายของรัฐบาล หากทำไม่ได้ก็ควรถอนกฎหมายของรัฐบาลออกจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สอดคล้องกับหนังสือของประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ที่ได้ส่งหนังสือถึงฯพณฯนายกรัฐมนตรีตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2559 โดยเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของภาคประชาชน อีกทั้งยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่าการลงมติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติซึ่งเห็นชอบในหลักการในวาระที่ 1 ในวาระพิจารณากฎหมายปิโตรเลียมทั้งสองฉบับเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2559 นั้นไม่สอดคล้องกับรายงานผลการศึกษาของกรรมาธิการฯของสภานิติบัญญัติแห่งชาติเอง ถึงขนาดนี้แล้วยังจะฝืนดึงดันเดินหน้าอย่างไร้เหตุผลต่อไปได้อย่างไร?"

 

 
กำลังแสดงหน้าที่ 1 จากทั้งหมด 0 หน้า [หน้าถัดไปคือหน้าที่ 2] 1
 

 
เงื่อนไขแสดงความคิดเห็น
1. ทุกท่านมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระเสรี โดยไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ไม่กล่าวพาดพิง และไม่สร้างความแตกแยก
2. ผู้ดูแลระบบขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใด ๆ ต่อเจ้าของความคิดเห็นนั้น
3. ความคิดเห็นเหล่านี้ ไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมาย และไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้นกับคณะผู้จัดทำเว็บไซต์

ชื่อ :

อีเมล์ :

ความคิดเห็นของคุณ :
                                  

              * ใส่รหัสจากภาพที่เห็นลงในช่องด้านล่าง และใส่คำตอบจากคำถาม เพื่อยืนยันการส่งความเห็น
  และสำลีสีอะไร
    

          ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการแสดงความคิดเห็นโดยสาธารณชน ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าชื่อผู้เขียนที่้เห็นคือชื่อจริง และข้อความที่เห็นเป็นความจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ boyoty999@google.com  เพื่อให้ผู้ดูแลระบบทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้