ค่ายรถยนต์เล็งนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า
นำร่อง5,000คันภายในปี’60
ปตท.ผุดปั๊มชาร์จไว้รองรับ
พลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์รมว.พลังงาน เปิดเผยในโอกาสเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือการให้บริการสถานีบริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (ปตท. อีวี สเตชั่น)ว่า เป็นความร่วมมือระหว่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำ 6 ราย ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู, เมอร์เซเดส-เบนซ์, มิตซูบิชิ, นิสสัน, ปอร์เช่ และวอลโว่ ซึ่งขณะนี้กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างหารือกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดมาตรการส่งเสริมด้านภาษี สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่รัฐบาลกำหนดนโยบายนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าสำเร็จรูปนำร่องจำนวน 5,000 คัน ให้ได้ภายในปี 2560 เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐที่ต้องการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศให้ได้ 1.2 ล้านคัน ภายในปี 2579 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนแผนอนุรักษ์พลังงานที่ตั้งเป้าลดการใช้พลังงานลง 30% ให้ได้ในปี 2579
ทั้งนี้ ทาง ปตท. ได้เปิดสถานีให้บริการสถานีบริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้านำร่อง พร้อมออกบัตรสมาชิกให้กับใช้รถยนต์ไฟฟ้า โดยในระยะต่อไปทาง กระทรวงพลังงานจะกำหนดมาตรการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการลงทุนผลิตชิ้นส่วนและประกอบรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ ทดแทนการนำเข้า เพื่อให้เกิดการจ้างงาน และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศอีกทางหนึ่ง
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. กล่าวว่า ปัจจุบันปตท.มีสถานีชาร์จแล้วทั้งหมด 4 แห่ง คือที่ วังน้อย พระนครศรีอยุธยา, แหลมฉบัง ชลบุรี, ปตท.สำนักงานใหญ่ และล่าสุดที่เดอะคริสตัล ถนนชัยพฤกษ์ นนทบุรี และกำลังศึกษาแผนขยายสถานีบริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มเติม 2 แห่งภายในปีนี้ และปี 2560 เตรียมขยายเพิ่มเติมอีก 14 แห่ง
นอกจากนี้ ปตท.ยังอยู่ระหว่างหารือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้นครหลวง (กฟน.) เพื่อแก้กฎหมายอนุญาตให้ปตท. สามารถจำหน่ายไฟฟ้าในสถานีบริการได้ จากปัจจุบันกฎหมายเปิดทางให้ 3 การไฟฟ้าดำเนินการได้เท่านั้น
นายถนอมศักดิ์ สันทนาประสิทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าทางบริษัทมีแผนธุรกิจรองรับการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าในไทย โดยปีนี้คาดจะสามารถนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าของวอลโว่ รุ่น XC90 ได้ประมาณ 50 คัน ในราคากว่า 4.4 ล้านบาทต่อคัน ซึ่งเป็นราคาที่ได้รับการส่งเสริมลงทุนโดยให้เสียอัตราภาษี นำเข้า 10% สำหรับรถยนต์ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี ปล่อยค่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไม่เกิน 100 กรัมต่อกม. และเชื่อว่าจะนำเข้าเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 100 คัน ได้ในปีหน้า เพราะความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง