สวัสดีค่ะทุก ๆ คน!
ดิฉันจัดการอบรมแบบนี้มาหลายปีแล้ว เพราะดิฉันและทีมงานได้มีโอกาสปรึกษากันถึงสาเหตุต่าง ๆ ที่ทำให้ร่างกายของเราเจ็บป่วย นอกจากนี้พวกเรายังมีโอกาสได้หารือกันเกี่ยวกับโรคร้ายแรงและโรคติดเชื้อต่าง ๆ รวมไปถึงวิธีการรักษาอีกด้วย วันนี้เราจะพูดถึงเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของเราและซุ่มทำร้ายอวัยวะของเราอย่างรุนแรง ที่น่าตกใจคือบางสิ่งบางอย่างที่กำลังพูดถึงนี้แฝงอยู่ในร่างกายของเรามานานแล้วและค่อย ๆ ทำลายและทำร้ายอวัยวะภายในของเรา บางสิ่งบางอย่างที่พูดถึงนี่คือ พยาธิ.
พยาธิเป็นตัวการหนึ่งที่ทำร้ายร่างกายของมนุษย์ได้อย่างมีนัยสำคัญ ระบบภูมิคุ้มกันของเราที่ได้รับการออกแบบมาให้ป้องกันร่างกายจากเชื้อโรคต่าง ๆ จะได้รับผลกระทบเป็นอย่างแรก เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอ จึงทำให้ร่างกายจึงไม่สามารถดักจับหรือป้องกันพยาธิที่ค่อยทำร้ายอวัยวะของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ พยาธิที่กล่าวถึงนี้มีหลายชนิดเช่น: พยาธิไส้เดือนตัวกลม โปรโตซัวไกอาร์เดีย พยาธิตัวกลม และอื่น ๆ เป็นต้น ในเวลาเดียวกันร่างกายของเรายังต้องต่อสู้กับโรคอื่น ๆ อีกด้วย
แพบฟิลโลมาที่เกิดขึ้นบริเวณดวงตาจะเป็นสัญญาณแรงว่ากำลังมี ‘พยาธิ’ อยู่ในร่างกาย
ในความเป็นจริงแล้ว ตามลักษณะทางภูมิศาสตร์ของเราทำให้เราต้องเผชิญกับพยาธิมากกว่า 260 ชนิดเลยทีเดียว เนื่องจากเราอยู่ในเขตร้อนซึ่งเป็นอุณหภูมิที่พยาธิเติบโตได้ดี พยาธิสามารถเข้าสู่ทางร่างกายเราได้หลายทาง เช่น จากอาหารที่เรารับประทาน การดื่มน้ำที่ไม่สะอาด เป็นต้น พยาธิสามารถปล่อยสารพิษที่ส่งผลกระทบต่ออวัยวะภายในของเรา ซึ่งพยาธิแต่ละชนิดก็จะทำให้เราป่วยต่างกัน:
พยาธิไส้เดือนตัวกลม มีผู้ได้รับเชื้อพยาธิไส้เดือนตัวกลมนี้มากกว่า 100 ล้านคนต่อปี ซึ่งเข้าสู่ร่างกายของมนุษย์โดยทางอาหาร (โดยเฉพาะผัก ผลไม้ที่ล้างไม่สะอาด) น้ำที่ไม่ได้ต้มสุก ใช้มือสกปรกจากการสัมผัสดินหรือฝุ่นสัมผัสอาหาร มีแมลงวันเป็นพาหะนำโรค
พยาธิตัวกลม มีสุนัขเป็นพาหะนำโรค สามารถอยู่ได้ทั้งในอวัยวะภายในและใต้ผิวหนัง รวมไปถึงในลูกนัยตาได้ด้วย
พยาธิตัวตืด เป็นพยาธิที่มีขนาดยาวและใหญ่ เมื่อโตเต็มที่อาจจะสามารถยาวได้ถึง 10 เมตร และสามารถอยู่ภายในร่างกายของมนุษย์ได้ยาวนานถึง 25 ปี ลองจินตนาการดูว่าร่างกายของเราจะเป็นอย่างไรบ้างถ้ามีพยาธิตัวตืดที่โตเต็มที่อยู่ในร่างกายเราสัก 2-3 ตัว
สัญญาณที่บ่งบอกว่าร่างกายของเรากำลังมีพยาธิอยู่ในร่างกายคือ ความเหนื่อยล้า ง่วงซึม เฉือยชา ไม่สนใจสิ่งรอบตัว ซึมเศร้า ปวดหัวและอาการปวดหรือเป็นตะคริวในอวัยวะภายในบ่อย ๆ หูดและแพบฟิลโลมา ในร่างกายของเรา โดยเฉพาะบริเวณแขนและใบหน้า มักจะใช้บ่งบอกได้ดีเสมอว่ามีพยาธิอยู่ในร่างกายเราหรือไม่ ถ้าหากคุณรู้สึกว่ากำลังไม่สบายบ่อย ๆ คุณควรจะถ่ายพยาธิบ้าง เพราะเราไม่สามารถทำการตรวจหาให้เจาะจงได้ว่าร่างกายของคุณมีพยาธิชนิดใดอยู่บ้าง เพราะในความเป็นจริงแล้วมันมีอยู่มากมายหลายชนิดมาก
คุณควรถ่ายพยาธิด้วยผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ เพราะปราศจากผลข้างเคียงซึ่งต่างจากการใช้ยา และวิธีการถ่ายพยาธิที่ได้ผลดีที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดคือ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากธรรมชาติ Gelmifag.
Gelmifag คือสิ่งที่ดิฉันจะแนะนำให้ทุกคนได้ใช้โดยไม่มีข้อยกเว้น โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการถ่ายพยาธิต่าง ๆ ที่อยู่ในร่างกายของตน ภายใน 3 วันหลังจากรับประทาน Gelmifag คุณจะรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลง คุณจะรู้สึกสดชื่นและมีความกระฉับกระเฉงมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อาการปวดหัวจะหายไปและอารมณ์โดยร่วมของคุณจะดีขึ้นมาก เมื่อรับประทานตามระยะเวลาที่กำหนด ร่างกายของคุณจะปลอดจากพยาธิ Gelmifag เป็นยาตามธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพเยี่ยมยอด สามารถถ่ายพยาธิออกจากร่างกายได้อย่างง่ายดาย รวมไปถึงปรสิต เชื้อรา และสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว (เช่น โปรโตชัว เป็นต้น)
วิธีการรับประทานก็ง่ายมาก ๆ:
สำหรับผู้ที่มีพยาธิอยู่ในร่างกาย ให้รับประทานวันละ 2 เวลา ครั้งละ 2 แคปซูล ติดต่อกันเป็นเวลา 1 เดือน (คอร์ส 1 เดือน)
ในกรณีที่รับประทานเพื่อการป้องกัน ให้รับประทานวันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 1 แคปซูล ติดต่อกันเป็นเวลา 2 สัปดาห์ (คอร์ส 2 สัปดาห์))
ระวัง! ยิ่งพยาธิแฝงตัวอยู่ในตัวเรานานเท่าไร ร่างกายของเราก็ยิ่งถูกทำร้ายมากเท่านั้น รีบถ่ายพยาธิเสียตั้งแต่วันนี้ เพื่อสุขภาพโดยรวมที่ดีขึ้น