ผู้ชาย..เกือบสูญพันธุ์
นำเข้าเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2558 โดย จุฬา ศรีบุตตะ
อ่าน [58621]  

ผู้ชายกรุงเทพฯเกือบสูญพันธุ์ เป็นโรคบุรุษถึงร้อยละ ๗๕ ต้องให้ญี่ปุ่นเป็นครู!!!.....

ผู้ชายกรุงเทพฯเกือบสูญพันธุ์ เป็นโรคบุรุษถึงร้อยละ ๗๕ ต้องให้ญี่ปุ่นเป็นครู!!!

ผู้ชายกรุงเทพฯเกือบสูญพันธุ์ เป็นโรคบุรุษถึงร้อยละ ๗๕ ต้องให้ญี่ปุ่นเป็นครู!!!
นางแบบไทยสมัย ร.๕
        โสเภณี เป็นอาชีพดึกดำบรรพ์ของโลก มีมาตั้งแต่สมัยโรมันแล้ว สำหรับเมืองไทยเข้าใจว่าทันสมัยกับเขามาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย เพราะกฎหมายลักษณะผัวเมียที่ออกสมัยพระเจ้าอู่ทองสถาปนากรุงศรีอยุธยา ก็กล่าวถึงเรื่องหญิงนครโสเภณีแล้ว
       
       ทุกวันนี้หลายประเทศ แม้แต่ประเทศที่เจริญรุ่งเรืองในยุโรป ก็อนุญาตให้มีโสเภณีได้ แต่หลายประเทศก็ถือว่าเป็นอาชีพที่น่ารังเกียจ เป็นสิ่งผิดกฎหมายรวมทั้งประเทศไทยเราด้วย
       
       แต่ไม่ว่าจะมีกฎหมายห้ามหรือไม่ห้าม ทุกประเทศแม้แต่ประเทศที่เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ก็มีโสเภณีกันทั้งนั้น
       
       ส่วนเมืองไทยยุครัตนโกสินทร์ เริ่มมีการจดทะเบียนหญิงนครโสเภณีมาตั้งแต่รัชกาลที่ ๔ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะหารายได้เข้ารัฐ ที่เรียกว่า “ภาษีบำรุงถนน” เพื่อนำเงินไปตัดถนนที่เริ่มมีในรัชกาลนี้
       
       สมัยรัชกาลที่ ๕ สยามได้เปิดประตูประเทศรับอารยะธรรมตะวันตกอย่างเต็มที่ คนหลายชาติหลายภาษาต่างหลั่งไหลเข้ามา โสเภณีต่างชาติเลยเข้ามาด้วยเป็นขบวน ผลก็คือชายไทยโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ เป็น “โรคบุรุษ” หรือ “กามโรค” กันครึ่งค่อนเมือง แม้ยังไม่มีตัวเลขยืนยันในตอนนั้น แต่ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๖ มีรายงานของกรมสุขาภิบาลระบุว่า ผู้ชายในพระนครที่ป่วยเป็นกามโรคมีจำนวนถึงร้อยละเจ็ดสิบห้า
       
       ยุคนั้นยารักษาก็ยังไม่ค่อยมี ต้องกินยาไทยต้มกันเป็นหม้อๆ ที่อาการหนักหนาสาหัสก็ถึงขั้น “ออกดอก” ทั้งตัว เป็นตุ่มมีน้ำเหลืองไหลต้องนอนบนใบตอง เป็นที่น่าวิตกว่าชายไทยในเมืองจะสูญพันธุ์เพราะโรคนี้ คณะเสนาบดีจึงได้ตรา “พระราชบัญญัติป้องกันสัญจรโรค” ประกาศใช้ในวันที่ ๑ เมษายน ๒๔๕๑ แต่ก็ให้ใช้เฉพาะกรุงเทพฯเท่านั้น ในสมัยรัชกาลที่ ๖ จึงประกาศใช้ทุกมณฑลทุกจังหวัดเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๔๕๖
       
       จุดมุ่งหมายของกฎหมายฉบับนี้ ก็เพื่อให้หญิงโสเภณีต้องจดทะเบียนเพื่อควบคุมดูแลและตรวจโรคเป็นประจำ กับจดทะเบียนสำนักหญิงนครโสเภณีไว้ด้วย กำหนดให้ดูแลความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสำนักไว้หลายข้อ แต่ข้อหนึ่งกำหนดให้ต้องมีโคมแขวนไว้หน้าโรงเป็นเครื่องหมาย โดยไม่ได้กำหนดว่าเป็นสีอะไร แต่เจ้าพนักงานเอาโคมที่มีกระจกสีเขียวเป็นรูปพัดด้ามจิ้วมาเป็นตัวอย่าง เลยมีผู้ทำออกมาจำหน่ายและใช้สีเหมือนกันหมด จนได้ฉายาว่า “สำนักโคมเขียว”
       
       อัตราค่าจดทะเบียนสำหรับหญิงนครโสเภณี ๑๒ บาท มีกำหนด ๓ เดือน ส่วนค่าใบอนุญาตโรงหญิงนครโสเภณี ๓๐ บาท ต่อ ๓ เดือนเช่นกัน ซึ่งตอนนั้นค่าขึ้นห้องของหญิงนครโสเภณีก็แค่ ๒ สลึงถึง ๑ บาทเท่านั้น แต่ถ้า “ของนอก” เป็นญี่ปุ่นหรือฝรั่งก็ต้องถึง ๒ บาท ถ้าเหมาทั้งคืนก็ ๔ บาท ขณะที่ข้าวสารราคาถังละ ๒ สลึงถึง ๑ บาท
       
       พระยาพิเรนทราธิบดีสีหราชงำเมือง ผู้บัญชาการพลตระเวนแขวงพระนคร ได้รายงานต่ออธิบดีกรมพลตระเวน เมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๔๕๘ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเนื่องๆเกี่ยวกับหญิงโสเภณี ว่า
       
       “โรงหญิงสัญจรโรคที่รับอนุญาตตั้งโรง บางแห่งเปิดโรงรับผู้มาเที่ยวไปมาอยู่จวนสว่าง แต่โรงหญิงญี่ปุ่น ๒ ยามล่วงแล้วปิด ในพระราชบัญญัติสัญจรโรคไม่ห้ามการเปิดปิด ควรมีกำหนดปิดโรงจะเป็นเวลาใดก็ตามแต่สมควร ทั้งยังมีผู้หลีกเลี่ยงกฎหมายไม่มีใบอนุญาตเวลานี้ออกจะชุกชุม กองตระเวนได้ตรวจจับกุม บางเรื่องมีหลักฐานพอก็ส่งศาลฟ้อง บางเรื่องจะฟ้องไม่ถนัดโดยหลักหลักฐานไม่เพียงพอ จำต้องถอนฟ้อง เรื่องนี้กฎหมายยังไม่มีบังคับสำหรับคนจำพวกนี้ และเป็นพวกที่น่ามีเหตุเกิดขึ้น ครั้งหนึ่งชาวเยอรมันได้ไปเที่ยว มีเหตุกับเจ้าของที่พัก กองตระเวนจับกุม ลงท้ายพลตระเวนกับชาวเยอรมันต้องเปนความกัน หญิงโสเภณีกับหญิงสัญจรโรคที่ไม่มีใบอนุญาต เวลากลางคืนเที่ยวออกชักชวนชายในที่ประชุมชนต่างๆ เที่ยวเกลื่อนกลาดตามถนน แลปะปนกระทำให้หญิงผู้ดีรับความเสื่อมทรามไปด้วย ควรมีบังคับห้ามหญิงโสเภณีที่มีใบอนุญาต ต้องประจำหาผลประโยชน์อยู่ที่พักของเขา จะเที่ยวเตร็ดเตร่ชักชวนชายตามถนนหรือที่ประชุมชนไม่ได้ ข้าพเจ้าเคยได้รับรายงานร้องขอรวมโรงหญิงโสเภณีอยู่ในหมู่หรือตำบลเดียวกัน เพื่อสดวกสำหรับจัดการรักษา ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ การที่ให้ผู้หญิงแยกย้ายตั้งอยู่ที่ต่างๆเช่นนี้ กองตระเวนไม่พอเพียงจะรักษาให้ทั่วถึง ในหญิงนครโสเภณีกวางตุ้ง เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น สืบสวนไม่ใคร่จะได้ความ โดยปกปิดไม่บอกความจริง ถ้ามีโอกาสควรรวบรวมหญิงโสเภณีกวางตุ้งเสียคราวหนึ่งก่อน ถ้ารวบรวมไม่ได้ จำเปนต้องเพิ่มจำนวนพลตระเวนให้พอเพียงกับการรักษา”
       
       ส่วนร้านจำหน่ายยาฝิ่นและกาแฟ ก็อยู่ในรายงานนี้เหมือนกันว่า
       
       “ร้านจำหน่ายยาฝิ่นกับร้านขายกาแฟ เจ้าของจับหญิงสาวกวางตุ้งล่อ คอยปฏิบัติยั่วยวนผู้ไปมา บางทีชักชวนแลฉุดคร่า กองตะเวนได้จัดการฟ้อง ๑ ฐานทำอนาจาร ๒ ฐานไม่จดทะเบียน นอกจากนี้แล้วไม่มีข้อบังคับจะปราบปราม แต่บางทีหญิงสาวพวกนี้ลอบลักรับจ้างทำชำเราโดยไม่มีใบอนุญาต จะตรวจตราจับกุมฟ้องได้ตาละเรื่องเปนการยาก...”
       
       เจ้าพระยายมราช เสนาบดีกระทรวงนครบาล เห็นว่ากฎหมายป้องกันสัญจรโรคของไทยยังมีช่องโหว่ จึงอยากจะศึกษาจากประเทศที่มีความรู้เรื่องนี้ดี และเห็นว่า ญี่ปุ่นมีประสบการณ์มายาวนาน จึงมีหนังสือไปถึง อัครราชทูตสยามประจำกรุงโตเกียว ตั้งแต่เมื่อวันที่ ๘ มีนาคม ๒๔๕๕ ให้ช่วยหาข้อมูลเรื่องนี้ให้ด้วย เดือนต่อมาท่านทูตก็ได้ส่งกฎหมายและข้อบังคับว่าด้วยเรื่องโสเภณีของญี่ปุ่นแปลเป็นภาษาอังกฤษมาเสร็จสรรพ พร้อมด้วยหนังสือเกี่ยวกับโสเภณีอีก ๑ เล่มในชื่อ “The Nightless City”
       
       เราจึงได้ความรู้ในเรื่องจัดระเบียบโสเภณีจากญี่ปุ่นมามาก ต่อมาก็แก้ให้หญิงที่จะมีอาชีพโสเภณี จาก ๑๕ ปีมาเป็น ๑๘ ปีตามอย่างญี่ปุ่น
       
       มีรายงานของ นายพันตำรวจโท พระอนุรักษ์นครินทร์ ผู้กำกับการตำรวจพระนครบาลกองพิเศษ ถึง นายพลตำรวจตรี พระยาอธิกรณ์ประกาศ ผู้บัญชาการตำรวจพระนครบาลกรุงเทพฯ เกี่ยวกับการจดทะเบียนหญิงนครโสเภณีตั้งแต่เดือนตุลาคม ถึงวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๔๖๗ มีโรงหญิงนครโสเภณีและหญิงที่ได้รับอนุญาต คือ
       
       เจ้าของโรงจีน ๑๘๙ โรง ตัวหญิงนครโสเภณี ๗๗๒ คน
       เจ้าของโรงไทย ๑๒ โรง มีตัวหญิงนครโสเภณี ๗๒ คน
       เจ้าของโรงญวน ๗ โรง มีตัวหญิงนครโสเภณี ๘ คน
       เจ้าของโรงรัสเซีย ๑ โรง มีหญิงนครโสเภณี ๓ คน
       รวมเจ้าของโรง ๒๐๔ โรง มีหญิงนครโสเภณี ๘๕๕ คน
       
       นอกจากนี้ จากการสืบสวนยังได้ความว่า มีโสเภณีที่ไม่ได้จดทะเบียนลักลอบหากินอยู่ คือ
       
       จีน ประมาณ ๒๐๐ คน
       ไทย ประมาณ ๑๕๐ คน
       ญวน ประมาณ ๑๕ คน
       ญี่ปุ่น ประมาณ ๕ คน
       รัสเซีย ประมาณ ๑๐
       รวม ๓๘๐ คน
       
       ปรากฏว่ามีหญิงจีน ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นหญิงกวางตุ้ง เข้ามาเป็นโสเภณีในเมืองไทยมากกว่าหญิงทุกชาติ และมากกว่าหญิงไทยเองด้วย ทางเข้ามาในสมัยนั้นก็มีทางเดียวคือทางเรือ ฉะนั้นเมื่อมีเรือเมล์ลำใดมาจากเมืองจีน เจ้าพนักงานตำรวจกองพิเศษจะไปรอตรวจ ถ้าพบหญิงสาวไม่ได้มากับครอบครัวจะสอบปากคำทุกคน ถ้าหญิงนั้นถูกหลอกลวงมา และสมัครใจจะกลับไปเมืองจีน ก็มอบหญิงนั้นให้อยู่ในความดูแลของนายเรือ และมีหนังสือส่งตัวไปยังตำรวจเมืองฮ่องกงให้จัดการส่งกลับบ้านต่อไป
       
       ต่อมาใน พ.ศ.๒๕๐๓ สมัย จอมพลสฤษดิ์ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี จึงได้ออก “พระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ.๒๕๐๓” ถือว่าโสเภณีเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และมีความทันยุคทันสมัยห้ามการค้าประเวณีในเพศเดียวกันด้วย โดยกำหนดความหมายของคำว่า “การค้าประเวณี” ไว้ว่า
       
       “การค้าประเวณี หมายความว่า การยอมรับการกระทำชำเรา หรือการยอมรับการกระทำอื่นใด หรือการกระทำอื่นใดเพื่อสำเร็จความใคร่ในทางกามารมณ์ของผู้อื่น อันเป็นการสำส่อนเพื่อสินจ้าง ทั้งนี้ ไม่ว่าผู้ยอมรับการกระทำและผู้กระทำจะเป็นบุคคลเพศเดียวกันหรือคนละเพศ”
       
       แต่กฎหมายที่แค่ “ปราม” ในปี ๒๕๐๓ หรือปรับปรุงมาเป็น “ป้องกันและปราบปราม” ในปี พ.ศ.๒๕๓๙ก็ไม่สามารถหยุดยั้งการค้าประเภทนี้ไว้ได้ กลับกระจายออกไปทั่ว เป็นอบอาบนวด คาเฟ่ บาร์ ไนต์คลับ จนถึงทางโทรศัพท์
       กฎหมายที่สามารถทำให้นักเที่ยวประเภทนี้ “สยอง” ได้ ก็คือข้อที่ว่า
       
       “ผู้ใดกระทำชำเราหรือกระทำอื่นใดเพื่อสำเร็จความใคร่ของตนเองหรือผู้อื่นแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีในสถานการค้าประเวณีโดยบุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสามปีและปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหกหมื่นบาท
       
       ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำแก่เด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงหกปีและปรับตั้งแต่สี่หมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสองหมื่นบาท” ซึ่งทำให้ลูกค้า “หัวหด” ไปตามกัน แม้แต่ขอดูบัตรประจำตัวประชาชนแล้วก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ ว่าแก้ตัวเลขอายุมาหลอกหรือเปล่า กลัวจะเจอแบบ “ป๋าเหลิม” จะอุดหนุนเด็กๆเสียหน่อย กลับโดนคูณเข้าไปตามครั้งที่อุดหนุน ต้องติดคุกถึง ๓๖ ปี ฆ่าคนตายยังติดน้อยกว่านี้!

 
ผู้ชายกรุงเทพฯเกือบสูญพันธุ์ เป็นโรคบุรุษถึงร้อยละ ๗๕ ต้องให้ญี่ปุ่นเป็นครู!!!
โสเภณีไทยในสำเพ็ง
       

 
ผู้ชายกรุงเทพฯเกือบสูญพันธุ์ เป็นโรคบุรุษถึงร้อยละ ๗๕ ต้องให้ญี่ปุ่นเป็นครู!!!
สำนักโสเภณีจีน
       

 
ผู้ชายกรุงเทพฯเกือบสูญพันธุ์ เป็นโรคบุรุษถึงร้อยละ ๗๕ ต้องให้ญี่ปุ่นเป็นครู!!!
โสเภณีอังกฤษรอรับแขก
       

 
ผู้ชายกรุงเทพฯเกือบสูญพันธุ์ เป็นโรคบุรุษถึงร้อยละ ๗๕ ต้องให้ญี่ปุ่นเป็นครู!!!
โสเภณีญี่ปุ่น
       
 

 

 
กำลังแสดงหน้าที่ 1 จากทั้งหมด 0 หน้า [หน้าถัดไปคือหน้าที่ 2] 1
 

 
เงื่อนไขแสดงความคิดเห็น
1. ทุกท่านมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระเสรี โดยไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ไม่กล่าวพาดพิง และไม่สร้างความแตกแยก
2. ผู้ดูแลระบบขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใด ๆ ต่อเจ้าของความคิดเห็นนั้น
3. ความคิดเห็นเหล่านี้ ไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมาย และไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้นกับคณะผู้จัดทำเว็บไซต์

ชื่อ :

อีเมล์ :

ความคิดเห็นของคุณ :
                                  

              * ใส่รหัสจากภาพที่เห็นลงในช่องด้านล่าง และใส่คำตอบจากคำถาม เพื่อยืนยันการส่งความเห็น
  และสำลีสีอะไร
    

          ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการแสดงความคิดเห็นโดยสาธารณชน ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าชื่อผู้เขียนที่้เห็นคือชื่อจริง และข้อความที่เห็นเป็นความจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ boyoty999@google.com  เพื่อให้ผู้ดูแลระบบทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้