ครบรอบ 61 ปี คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้จัดเสวนาวิชาการ 'Media & Communiction : Learning from others' ภายใต้หัวข้อ ASEAN Media Move เมื่อวันศุกร์ที่ 27 พฤษจิกายน ที่ผ่านมา ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ ภายในงานนำเสนอผลงานวิจัยของอาจารย์ทรงคุณวุฒิทั้งหกท่านท่ามกลางความสนใจของสื่อมวลชนและเหล่านักศึกษา Life on Campus ก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานเสวนาในครั้งนี้ด้วย จึงได้เก็บภาพบรรยากาศและหัวข้องานวิจัยที่น่าสนใจมาให้ได้ชมกัน.
ลาวมองไทยเชิงบวก
|
'บ้านพี่เมืองน้อง' คำที่คนไทยใช้เรียกความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับลาว แต่แท้ที่จริงแล้ว เป็นการสร้างปมในใจชาวลาวและเกิดการตั้งคำถามว่า ใครเป็นพี่ ใครเป็นน้อง ผศ.รุจน์ โกมนบุตร เจ้าของผลงานวิจัย หัวข้อ : ไทยในสายตาของสื่อลาว ศึกษากรณีหนังสือพิมพ์ "ประชาชน" ตลอดปี 2556 โดยดูทั้งหมด 4จุดสำคัญ 1.ตัวข่าว 2.พาดหัวข่าว 3.บทความ และ4.ภาพข่าว ว่าสื่อลาวพูดถึงคนไทยไปในทิศทางลบ กลางและบวก มากน้อยขนาดไหน และบทบาทที่มาพร้อมกับทิศทางนั้นเป็นอย่างไร
สิ่งที่น่าสนใจคือพาดหัวที่เกี่ยวกับคนไทยเป็นในเชิงบวก แล้วก็มีกลางนิดหน่อย แต่เรื่องลบไม่โผล่ในพาดหัวเลย ตัวอย่างพาดหัว ‘งานดนตรีคลาสสิคมิตรภาพลาว - ไทย จะได้จัดขึ้นที่ต้นเดือนมีนาคม 2553 นี้’ อีกอันที่น่าสนใจก็คือภาพข่าว เพราะภาพข่าวเป็นสิ่งที่เตะตาคนดูที่สุด และภาพข่าวที่เกี่ยวกับไทยก็บวกทั้งสิ้น มีเรื่องพันธมิตรด้านสังคมเป็นเรื่องหลัก
จากงานวิจัยพบว่า หนังสือพิมพ์หน้า 1 คือ หน้าฟอนต์เพจ หน้า 4 หน้าสังคม และหน้าสุดท้ายหน้า 12 ข่าวต่างประเทศ เป็นสามหน้าที่พาดพิงถึงประเทศไทยมากที่สุด และแหล่งข่าวสำคัญมีทั้งหมด 3 แหล่ง คือ 1.ผู้สื่อข่าวลาว ซึ่งเวลาเขียนข่าวมักไม่ค่อยอ้างแหล่งข่าว มาจากการเล่าเอง 2.ราชการลาว และ 3.เอกชน เมื่อวิเคราะห์ออกมาพบว่าค่อนข้างพูดถึงไทยในในแง่ดีมาก มีเพียง 7.6 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่มองเป็นเชิงลบ
ทางด้านบวก สื่อลาวมองว่าไทยเป็นพันธมิตรด้านเศรษฐกิจ พันธมิตรด้านสังคมและวัฒนธรรม และพันธมิตรด้านการเมือง ในขณะเดียวกันทางด้านลบ กลับมองว่าไทยเป็นผู้ใช้อำนาจเหนือทางเศรษฐกิจ เนื่องจากเวลาเราเข้าประเทศลาวเราสามารถใช้เงินบาทได้เลย ไม่ต้องแลกเงินกีบ จึงก่อให้ความรู้สึกแปลก ๆ ในใจรัฐบาลลาว ผู้รุกราน ซึ่งย้อนไปตอนสมัยเจ้าอนุวงศ์ ผู้พ่ายแพ้ เพราะครั้งหนึ่งไทยเคยแพ้บอลลาว ด้วย 3 ประตูต่อ 0 ผู้ปฏิบัติงานล่าช้า เนื่องจากครั้งที่สร้างสะพานมิตรภาพที่ 4 ที่เชียงของ ปรากฏในข่าวบอกว่าฝั่งลาวเสร็จเรียบร้อยแต่ฝั่งที่ไม่เสร็จคือฝั่งไทย เและผู้มีปัญหาทางด้านสาธารณสุข เนื่องจากกรณีข่าวในหน้า 12 การสั่งแบนกุ้งกับปูที่นำเข้าจากไทย
|
“เวลาผมไปสัมภาษณ์กับบก.ศรีเวียงแขก ประจำหนังสือพิมพ์ประชาชน ก็ต้องไปสัมภาษณ์โดยทำหนังสืออย่างเป็นทางการ โดยบก.จะยื่นไปยังรัฐมนตรีกระทรวงแถลงข่าวก่อนจะอนุญาตให้สัมภาษณ์ เนื่องจากข่าวต่างประเทศนั้นอยู่ภายใต้รัฐบาล เป็นไปตามนโยบายของพรรค ตามสโลแกน ‘สันติภาพ เอกราช มิตรภาพและความร่วมมือโดยไม่แทรกแซงกิจการภายใน’ ซึ่งก็หมายความว่า ความหวานที่เราเห็นมาจากการคอนโทรลโดยพรรค”
ผศ.รุจน์ โกมนบุตร กล่าวว่า ในขณะที่พูดคุยกับบก.ศรีเวียงแขก ท่านแทบจะไม่พูดเลยว่าเรื่องลบในใจคืออะไร จนผศ.รุจน์ โกมนบุตร ต้องถามเพิ่มเติม และพบว่า การเผชิญหน้าร่วมกันที่เหตุการณ์ร่มเกล้า เป็นเรื่องที่เป็นปมในใจชาวลาว ท่านยังได้ฝากขอเสนอแนะถึงทัศนคติที่ไทยมีต่อลาวว่าเป็นเมืองพี่เมืองน้อง ส่งผลให้เวลาทำอะไรด้วยความเป็นพี่จึงไม่เกรงใจน้องเลย จนน้องต้องเก็บไว้กลายเป็นความไม่ราบรื่นเล็กน้อยในความสัมพันธ์
นอกจากนี้สื่อมวลชนไทยก็มีส่วนในการสร้างทัศนคติที่ไม่ดี เช่น นำเสนอในเชิงขบขันหรือล้อเลียนเกี่ยวกับคนลาว อย่างในกรณีภาพยนตร์หมากเตะโลกตะลึง ดังนั้นจึงอยากให้ลองไตร่ตรองให้ดีและทิ้งท้าย ด้วยคำพูดของอาจารย์กาญจนี ละอองศรี ว่า
“การทำความเข้าใจประวัติศาสตร์รอบข้าง โดยเฉพาะคนไทย ความเข้าใจที่เปิดกว้างนั้นจะสร้างภูมิคุ้มกันให้ในสภาวะที่เปลี่ยนแปลง “
สิงคโปร์ชี้...ไทยเป็นประเทศที่มีปัญหาการเมือง
|
“ถ้าเราดูจากสื่อหลาย ๆ อัน เราจะเจอว่าไทยกับสิงคโปร์พยายามแย่งความเป็น hubในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจ ศูนย์กลางด้านการเงิน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราอยากรู้ คือ เขามองเราเป็นแบบไหนพันธมิตรหรือคู่แข่ง แต่แน่นอนว่าไทยก็จะมีความรู้สึกลึก ๆ ว่าสิงคโปร์มองเราไม่ค่อยดี มองเราเป็นคู่แข่ง”
นี่คือที่มาที่ไปของผลงานวิจัยหัวข้อ : การนำเสนอเนื้อหาที่เกี่ยวกับประเทศไทยที่ปรากฏที่ปรากฏในหนังสือพิมพ์รายวันภาษาอังกฤษกรณีศึกษาหนังสือพิมพ์สิงคโปร์ ที่อาจารย์เกศราพร ทองพุ่มพฤกษา ได้กล่าวไว้ โดยเลือกศึกษาจากหนังสือพิมพ์ 'เดอะเสตรทไทมส์' ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ที่มียอดจำหน่ายสูงที่สุดในสิงคโปร์และเป็นเจ้าตลาดสื่อยักษ์ใหญ่ของสิงคโปร์ รวมถึงมีนิตยสารในเครือมากมาย
จากการศึกษาพบว่า บทบรรณาธิการที่กล่าวถึงไทยทั้งหมดมีเพียง 4 ชิ้นและปรากฏเป็นเรื่องการเมืองทั้งหมด และในส่วนทิศทางการนำเสนอของข่าวค่อนข้างจะมองตรงกันข้าม ในเรื่องการเมืองจะมองในแง่ลบ มองว่าเป็นประเทศที่มีปัญหาทางการเมือง มีความขัดแย้งทางการเมือง มีรัฐประหาร ไม่มีความเสถียรภาพ ในขณะทีด้านเศรษฐกิจ มองว่าไทยเป็นผู้นำทางด้านเศรษฐกิจและเป็นพันธมิตรที่สำคัญ เนื่องจากมีกลุ่มผู้ลงทุนบางกลุ่มของไทยเข้าไปลงทุนที่สิงคโปร์และทำให้ตลาดหุ้นเจริญเติบโต ส่วนที่ทางด้านสังคมและวัฒนธรรมก็มองว่าเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้ และมีการรับวัฒนธรรมบางอย่างของไทย เช่น การจัดประเพณีสงกรานต์ในสิงคโปร์
|
นอกจากนี้คนที่เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ของไทยก็ถือว่าเป็นผู้นำ โดยเฉพาะประเภทหนังสยองขวัญ สังเกตได้จากแม้กระทั่งงานฮาโลวีนมีการเชิญผู้กำกับของไทยไปให้ไอเดียในการสร้างความสะพรึงกลัว หรืออย่างภาพยนตร์ชัตเตอร์ก็ประสบความสำเร็จมาก
“สรุปก็ คือบทบาทของไทยในสายตาของสิงคโปร์ ได้แก่ ประเทศที่มีปัญหาการเมืองมากที่สุด ประเทศที่มีปัญหาด้านสังคมวัฒนธรรม ในกรณีการค้ามนุษย์ ผู้อพยพและการทำบัตรปลอมแปลง และผู้นำทางด้านสังคม วัฒนธรรม”
|
|
|