ใครว่าคนไทยไม่กล้า..???
นำเข้าเมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2558 โดย จุฬา ศรีบุตตะ
อ่าน [58670]  

นิคมอาบแดดเมืองไทย ใครว่าคนไทยไม่กล้าแก้ผ้ากลางแจ้ง มีมาตั้งแต่ ๕๙ ปีที่แล้ว! .....

นิคมอาบแดดเมืองไทย ใครว่าคนไทยไม่กล้าแก้ผ้ากลางแจ้ง มีมาตั้งแต่ ๕๙ ปีที่แล้ว!
        นิคมอาบแดด ก็คือสถานที่ชายหญิงไม่ว่าหนุ่มสาวหรือคนแก่ และทุกเพศทุกวัย ไปแก้ผ้าโทงๆอาบแสงตะวัน โดยเชื่อว่าจะให้คุณประโยชน์แก่ร่างกาย
       
        การอาบแดดในต่างประเทศที่เป็นเมืองหนาว เป็นที่นิยมกันไม่น้อย และถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา หาดทรายบางแห่งมีคนนิยมไปแก้ผ้านอนผึ่งกันจนแน่นไปทั้งหาด ยังกับแมวน้ำขึ้นมาตากแดด
       
        แต่ในเมืองไทยที่เป็นเมืองร้อน นอกจากแดดจะแรงเผาผิวหนังให้ไหม้พองได้ง่ายๆแล้ว การไปแก้ผ้าโทงๆต่อหน้าคนจำนวนมาก แม้จะแก้เหมือนกันหมด คนทั่วไปก็คิดว่าจะหาคนใจกล้าแบบนี้ได้ยาก
       
        แต่ขอโทษที นิคมอาบแดดในเมืองไทยเคยมีมาแล้วนะครับ ตั้งแต่เมื่อ ๕๙ ปีก่อน คือในปี ๒๔๙๙ และมีคนสนใจกันไม่ใช่น้อย ขนาดเปิดได้ไม่เท่าไหร่ก็มีคนไทยใจถึงสมัครเข้าเป็นสมาชิกเกือบสี่พันคน
       
        ผู้ก่อตั้งนิคมอาบแดดในเมืองไทยรายนี้ก็คือ นายสลิล ฟูไทย ซึ่งได้เปิดเผยถึงสาเหตุที่มาของนิคมอาบแดดแห่งแรกในไทยนี้ว่า
       
        เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๕ นายสลิลยังเป็นหนุ่มฉกรรจ์ ทำงานอยู่ในกองจัดการของ นสพ.ยามาโมโต้ ซึ่งเป็น นสพ.ของชาวญี่ปุ่นในประเทศไทย วันหนึ่งได้มีชาวต่างประเทศชื่อ มิสเตอร์ชาร์ล เป็นนักท่องเที่ยวเดินทางรอบโลก ได้แวะมาที่สำนักงาน หลังจากที่ได้พูดคุยกันก็เกิดถูกอัธยาศัย มิสเตอร์ชาร์ลได้ชวนนายสลิลให้ร่วมเดินทางไปกับเขาโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด นายสลิลก็ตอบตกลงทันที
       
        หลังจากที่ได้ตระเวนไปหลายเมือง มิสเตอร์ชาร์ลได้พานายสลิลไปพักที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ การพักครั้งนี้นานหน่อย มิสเตอร์ชาร์ลเกรงว่านายสลิลจะเหงา จึงพาไปสมัครเป็นสมาชิกของนิคมอาบแดดแห่งหนึ่ง แม้นายสลิลจะไม่ค่อยกล้า แต่ก็ปฏิเสธไม่ออก เลยจำใจต้องไป
       
        ตามระเบียบของนิคมอาบแดดแห่งนั้น ก่อนจะลงสนาม สมาชิกทุกคนจะต้องไปที่ห้องโถงใหญ่ซึ่งกั้นไว้เป็นช่องๆสำหรับเปลื้องเสื้อผ้าเก็บไว้ พอก้าวเข้าไปในห้องนั้น นายสลิลถึงกับแข้งขาสั่น ใจก็สั่น เมื่อเห็นบรรดานักอาบแดดต่างอยู่ในชุดแรกเกิดกันทั้งนั้น แต่ละคนกำลังง่วนอยู่กับการใช้ครีมทาร่างกายและอวัยวะทุกส่วน บางรายสมาชิกสาวทาให้สมาชิกหนุ่มโดยไม่มีความกระดากอายแต่อย่างใด
       
        สมาชิกใหม่บางรายที่เป็นหนุ่ม พอเปลื้องผ้าออกและถูกสมาชิกรุ่นพี่ช่วยทาครีมให้ ก็เกิดอาการตึงตังเต่งตึงขึ้นมาทันที ร้อนถึงสมาชิกสาวต้องวิ่งไปเอาน้ำแข็งก้อนเล็กๆซึ่งมีเตรียมไว้เพื่อกรณีนี้โดยเฉพาะ มานวดและนาบส่วนที่แสดงอาการตื่นเต้นให้คลายลง ซึ่งตลอดเวลาที่ปฏิบัติการรับน้องใหม่อยู่นี้ ทุกคนจะมีกิริยาอาการเป็นปกติเหมือนเป็นสิ่งธรรมดาทั่วไป
       
        หลังจากตัดสินใจอยู่พักหนึ่ง นายสลิลก็จำต้องยึดสุภาษิตไทย “เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม” ถอดเสื้อถอดกางเกงแล้วเดินออกจากช่อง สมาชิกเก่าทั้งชายหญิงเห็นว่าเขาเป็นน้องใหม่ ก็เข้ามาห้อมล้อมจับมือต้อนรับแสดงความยินดี
       
        ที่สนามของนิคมซึ่งมีอาณาบริเวณกว้างขวาง ก็ทำให้นายสลิลตื่นเต้นขึ้นไปอีก เพราะทั้งสนามขาวโพลนไปด้วยร่างกายอันเปล่าเปลือยของบรรดาสมาชิกชายหญิง ซึ่งมีทั้งหนุ่มสาว คนแก่ และเด็ก ทุกคนต่างสนุกสนานกับการเล่นกีฬาและบริหารร่างกายในท่าต่างๆ
       
        สมาชิกใหม่บางคน เมื่อมาเห็นสาวเปลือยละลานตาเช่นนี้ ก็เก็บอาการไว้ไม่อยู่ ชักธงรบขึ้นทันที คนที่อยู่ใกล้เห็นอาการนี้ ต่างพากันยกให้เขาเป็น “ฮีโร่” โดยถือว่าเป็นผู้มีสุขภาพดี โลหิตฉีดแรง และทุกนิคมอาบแดดจะมีกฎกติกาว่า ถ้าสมาชิกชายท่านใดเกิดอาการ “ฮีโร่” ขึ้นมา จะต้องรีบวิ่งไปกระโจนลงสระน้ำที่ทางนิคมเตรียมไว้ เพื่อให้ความเย็นของน้ำระงับความรู้สึกตื่นเต้นลง
       
        ภายในบริเวณของนิคมนี้ สมาชิกทุกคนจะใช้ชีวิตสนุกสนานร่วมกันอย่างสนิทสนม ทั้งเล่นกีฬากลางแจ้ง กายบริหาร รวมทั้งรับประทานอาหารว่าง นั่งนอนคุยกัน
       
        กฎข้อที่เคร่งครัดของนิคมอย่างหนึ่งคือ ห้ามเพ่งเล็งอวัยวะส่วนสำคัญของแต่ละบุคคลโดยมีจุดมุ่งหมายทางกามารมณ์ และห้ามวิพากษ์วิจารณ์อวัยวะส่วนนั้นของสมาชิกด้วยกัน ถ้าผู้ใดละเมิดกฎข้อนี้ ถึงขั้นต้องถูกขับออกจากสมาชิกภาพทันที
       
        บรรดาสมาชิกที่มุ่งมาสู่นิคมอาบแดด นอกจากจะหวังแสงแดดอุ่นอันมีคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับคนเมืองหนาวแล้ว ยังหวังการออกกำลังกายแบบธรรมชาติ ปลดปล่อยสิ่งพันธนาการทั้งหมด รวมทั้งเสื้อผ้าเครื่องห่อหุ้มร่างกาย ผ่อนคลายความเคร่งเครียดจากชีวิตประจำวัน ปลดปล่อยตัวเองจากความยุ่งเหยิงของสังคม ไปสู่ความเป็นธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ซึ่งนายสลิลเองก็ได้รับผลจากสิ่งนี้ในเวลาไม่นานนัก เขาเคยป่วยเป็นโรคประสาท ปวดศีรษะเป็นประจำ และมีอาการเริ่มแรกของวัณโรค หลังจากที่เข้านิคมอาบแดด ได้ออกกำลังกายท่ามกลางธรรมชาติได้ไม่นาน อาการของโรคดังกล่าวก็หายไป
       
        หลังจากท่องเที่ยวอยู่ต่างแดนเป็นเวลา ๓ ปี นายสลิลก็เดินทางกลับประเทศไทยพร้อมกับความฝังใจในคุณค่าของการอาบแดดที่ได้รับมา และปรารถนาที่จะตั้งนิคมอาบแดดในประเทศไทยบ้าง แต่ก็ยังหวั่นใจว่าจะไม่มีคนเข้าใจ หรืออาจคิดไปในทางอกุศล
       
        ในที่สุดนายสลิลก็ตัดสินใจว่า “ไม่ลองไม่รู้” จึงยื่นขออนุญาตต่อกรมตำรวจ อธิบายถึงจุดมุ่งหมายและคุณค่าของนิคมอาบแดดที่ได้ประสบมาในต่างประเทศ กรมตำรวจยุคนั้นก็ดีใจหาย มีความคิดทันสมัย อนุญาตให้นายสลิลตั้งได้ มีเงื่อนไขแต่เพียงว่า ขอให้กั้นรั้วรอบให้มิดชิด ซึ่งนายสลิลก็ได้ตั้งนิคมอาบแดดแห่งแรกของไทยขึ้นบนพื้นที่ ๔ไร่เศษของเขาที่อำเภอบางกะปิ ซึ่งในยุคนั้นก็ถือว่าอยู่ห่างไกลเมืองไม่น้อย
       
        เมื่อตั้งนิคมอาบแดดขึ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ก็ได้พิมพ์เอกสารเผยแพร่คุณประโยชน์ของการอาบแดดแจกจ่ายทั่วราชอาณาจักร ปรากฏว่ามีผู้สนใจทั้งชายหญิงสมัครเข้ามาเป็นสมาชิกเกือบสี่พันคน โดยมีสมาชิกประเภทขออาบแดดอย่างเดียว ไม่เข้าคอร์สบริหารร่างกายเพียง ๖๘ คน ในจำนวนนี้เป็นหญิง ๑๘ คน นอกนั้นขออาบแดดด้วยและขอเข้าคอร์สบริหารร่างกายเพื่อทรวดทรงที่มีบุคลิกภาพดีขึ้นด้วย
       
        กฎกติกาของนิคมอาบแดดไทย ก็คงใช้แบบเดียวกับต่างประเทศ นอกจากประเภทของยาเสพติดที่ห้ามบุหรี่ เหล้า เหมือนกันแล้ว ยังห้ามยานัตถุ์ด้วย
       
        นิคมได้ให้คำแนะนำแก่สมาชิกว่า การอาบแดดที่ได้ประโยชน์สูงสุด ควรออกกำลังกายพร้อมไปด้วย และแสงแดดที่ให้คุณประโยชน์แก่ร่างกายสำหรับเมืองไทย คือแสงแดดตั้งแต่ย่ำรุ่งจนถึง ๘.๔๕ น. และภาคบ่ายตั้งแต่เวลา ๑๗.๓๐ น. เป็นต้นไป นอกนั้นจะให้โทษมากกว่า
       
        สมาชิกที่เข้านิคมอาบแดดไทยครั้งนี้ ต่างก็ได้รับผลทันตาเห็นเช่นเดียวกับที่นายสลิลได้รับในต่างประเทศ คนชรานอกจากร่างกายจะแข็งแรงกระฉับกระเฉงขึ้น จิตใจยังกระปรี้กระเปร่าอ่อนวัยกว่าเก่ามาก ส่วนสาวๆนอกจากร่างกายจะแข็งแรง จิตใจแจ่มใสแล้ว ส่วนสัดยังพัฒนาไปในทางที่ถูกต้องทำให้น่าดูขึ้นอีกมาก อย่างเช่นสาวที่ยืนเปรียบเทียบส่วนสัดอยู่ในภาพประกอบนี้ เมื่อเข้าสู่นิคมอาบแดดใหม่ๆ ร่างกายไม่สง่างาม ทั้งนี้เพราะขาดการบริหารร่างกายและขาดความมั่นใจในตัวเอง แต่เมื่อเข้านิคมอาบแดดเพียง ๒ สัปดาห์เท่านั้น คุณค่าจากแรงแดดและการบริหารร่างกายอย่างถูกหลักเกณฑ์ ทำให้สัดส่วนดูสง่าผ่าเผยและแสดงถึงความมั่นใจในตัวเอง
       
        สาวบางคนที่มีความบกพร่องทางร่างกาย นอกจากอาบแดดแล้วยังต้องบริหารร่างกายแบบมีพี่เลี้ยงช่วย อย่างในภาพประกอบนี้ นอกจากช่วยลดหน้าท้องแล้ว ยังช่วยคนที่อกแฟบแห้งเหี่ยว ให้แต่งตึงขึ้นได้
       
        กิจการของนิคมอาบแดดไทยในครั้งนั้น ได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ นายสลิลได้ไปซื้อที่แถวบางซื่อไว้อีก ๑๐๐ กว่าไร่ เพื่อจะสร้างนิคมอาบแดดแห่งใหม่ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ถึงขนาดจะว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านอาบแดดจากต่างประเทศมาประจำ แต่น่าเสียดายที่การเมืองในยุคนั้นสับสนวุ่นวายมาก ตำรวจสันติบาลกลัวว่าจะมีคนเข้าไปแก้ผ้าวางแผนล้มรัฐบาลกัน เพราะเป็นที่ปลอดสายตาตำรวจ แทนที่จะแก้ผ้าเข้าไปสืบเอง กลับเรียกตัวนายสลิลไปสอบถามเป็นประจำ นายสลิลถูกเรียกไปสอบบ่อยๆเข้าก็ชักท้อใจ และกลัวว่าจะถูกข้อหากบฏไปด้วย เพราะยุคนั้นตั้งข้อหากบฏกันง่ายเหลือเกิน นิคมอาบแดดแห่งใหม่ที่บางซื่อเลยระงับไว้ หนักๆเข้าแห่งเก่าที่บางกะปิก็หยุดกิจการไปอย่างน่าเสียดาย
       
        ความจริงการเปลือยกายอาบแดดในสถานที่ซึ่งจัดไว้โดยเฉพาะ ซึ่งทุกคนต่างก็เปลือยเหมือนกัน และอยู่ในกฎกติกามารยาทอย่างที่นิคมอาบแดดต่างประเทศวางไว้ ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องเสียหายอย่างใด สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ดำรัสตอนเป็นองค์ปาฐกถาที่สามัคยาจารย์สมาคม เมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๔๗๕ ว่า ตอนที่ท่านเสด็จไปเมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๓ ซึ่งเป็นเมืองที่มีคนไปอาบแดดกันมาก ท่านยังถอดฉลองพระองค์ไปอาบแดดกับเขาเลย
       
        ในยามที่สังคมมีแต่ความเครียด ชีวิตในเมืองมีแต่สับสนวุ่นวาย น่าเบื่อหน่ายอย่างเช่นทุกวันนี้ น่าจะมีคนคิดตั้งนิคมอาบแดดขึ้นมาใหม่ แก้ผ้าคลายเครียด ถอดเสื้อสีต่างๆให้ล่อนจ้อนเหมือนกัน ทั้งยังเป็นการรักษาโรคประสาทและบำรุงสุขภาพแบบประหยัดได้ดี แล้วถ้าตำรวจยังวุ่นวายเรียกไปสอบจนน่ารำคาญอีก ทีนี้ละ แก้ผ้าเดินขบวนไปฟ้องศูนย์ดำรงธรรม เอาตำรวจที่คุกคามเสรีภาพไปแก้ผ้าประจานเสียให้เข็ด

 

 

 
กำลังแสดงหน้าที่ 1 จากทั้งหมด 0 หน้า [หน้าถัดไปคือหน้าที่ 2] 1
 

 
เงื่อนไขแสดงความคิดเห็น
1. ทุกท่านมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระเสรี โดยไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ไม่กล่าวพาดพิง และไม่สร้างความแตกแยก
2. ผู้ดูแลระบบขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใด ๆ ต่อเจ้าของความคิดเห็นนั้น
3. ความคิดเห็นเหล่านี้ ไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมาย และไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้นกับคณะผู้จัดทำเว็บไซต์

ชื่อ :

อีเมล์ :

ความคิดเห็นของคุณ :
                                  

              * ใส่รหัสจากภาพที่เห็นลงในช่องด้านล่าง และใส่คำตอบจากคำถาม เพื่อยืนยันการส่งความเห็น
  และสำลีสีอะไร
    

          ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการแสดงความคิดเห็นโดยสาธารณชน ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าชื่อผู้เขียนที่้เห็นคือชื่อจริง และข้อความที่เห็นเป็นความจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ boyoty999@google.com  เพื่อให้ผู้ดูแลระบบทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้