รู้ทัน รู้กัน รู้แก้ 'ภูมิแพ้'
นำเข้าเมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2558 โดย นายจุฬา ศรีบุตตะ
อ่าน [58532]  

.....

รู้ทัน รู้กัน รู้แก้ 'ภูมิแพ้' โรคยอดฮิตของลูกๆ ยุคใหม่

        จากสถิติเมื่อไม่นานมานี้ พบว่าทั่วโลก มีประชากรที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้กว่า 400 ล้านคน โดยในเมืองไทยมีถึง 12 ล้านคนหรือกว่าครึ่งประเทศที่เป็นโรคภูมิแพ้และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง จำนวนของเด็กที่เป็นโรคนี้ก็เพิ่มขึ้นทุกปี
       
       เห็นว่าเป็นกันเยอะๆ แบบนี้ คงไม่มีใครคิดว่ามีเพื่อนเยอะ เยอะดี! ไม่ใช่นะ! เพราะใครก็ตามที่เป็นโรคนี้ ย่อมประจักษ์ชัดถึงความทรมานและน่ารำคาญของมัน กระนั้นก็ดี ในวันของน้องๆ หนูๆ อย่างวันเด็กวันนี้ เรามาทำความรู้จักกับโรคภูมิแพ้ในวัยเด็กกันสักหน่อย เพื่อการดูแลใส่ใจลูกน้อยกันอย่างถูกต้องและทันท่วงที เพราะความจริงข้อหนึ่งก็คือ แม้แต่เด็กที่เกิดมาได้เพียง 4 ชั่วโมง ก็มีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ได้แล้วเช่นกัน

 
รู้ทัน รู้กัน รู้แก้ 'ภูมิแพ้' โรคยอดฮิตของลูกๆ ยุคใหม่
ภาพ vhahomehealthcare.files.wordpress.com
        ภูมิแพ้ในเด็ก คืออะไร?
       
       โรคภูมิแพ้เป็นโรคที่เป็นที่รู้จักกันมานานเกิดจากการที่ร่างกายตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้มากเกินกว่าปกติ โรคภูมิแพ้มีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมอยู่ด้วย และไม่ใช่โรคติดต่อกันภายในครอบครัว การถ่ายทอดส่วนใหญ่เกิดขึ้นในเครือญาติสายตรง
       
       พ่อแม่ที่เป็นโรคภูมิแพ้มีโอกาสที่จะมีลูกที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคภูมิแพ้เพิ่มขึ้น โดยไม่มีความจำเป็นต้องว่าโรคภูมิแพ้ประเภทเดียวกัน เช่น พ่อเป็นโรคแพ้อากาศ ลูกอาจเป็นโรคหอบหืดก็ได้ โรคภูมิแพ้มีหลายประเภท ที่พบบ่อยมี 4 โรค คือ โรคแพ้อาหาร โรคภูมิแพ้ผิวหนัง โรคแพ้อากาศ และโรคหืด
       
       “ภูมิแพ้ผิวหนัง” พบบ่อยในลูกน้อย
       
       โรคภูมิแพ้ผิวหนังพบได้บ่อยในเด็กเล็ก มีอาการที่สำคัญคือ ผื่นคันเรื้อรัง โรคนี้เกิดจากสาเหตุทางพันธุกรรมเป็นสำคัญ เด็กที่เป็นโรคนี้มักจะมีผิวหนังแห้ง บางคนอาจมีประวัติแพ้อาหารร่วมด้วย ปัจจัยที่มีส่วนกระตุ้นให้เกิดผื่นคัน คือ เหงื่อ การติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง และสารระคายเคืองจำพวกน้ำหอมและสารเคมี ผู้ป่วยจะมีผื่นคันเป็นๆ หายๆ เด็กเล็กมักเริ่มเป็นที่แก้ม ข้อศอก ข้อเข่า และข้อเท้า ในเด็กโตและผู้ใหญ่มักเป็นบริเวณข้อพับ
       
       “โรคหืด” โรคภูมิแพ้อันตราย
       
       โรคหืดเกิดจากตอบสนองที่ไวเกินไปของหลอดลมเมื่อมีการหายใจเอาสารก่อภูมิแพ้เข้าไปในทางเดินหายใจ โดยมีสิ่งกระตุ้นที่สาคัญคือการติดเชื้อของทางเดินหายใจ ผู้ป่วยโรคหืดจะมีอาการไอ เป็นๆ หายๆ ส่วนใหญ่มักไอเวลากลางคืนและเช้ามืด ไอหรือมีอาการเหนื่อย ขณะออกแรงหรือออกกาลังกาย แน่นหน้าอก หายใจไม่เต็มอิ่ม และหายใจได้ยินเสียงวี้ด

 
รู้ทัน รู้กัน รู้แก้ 'ภูมิแพ้' โรคยอดฮิตของลูกๆ ยุคใหม่
ภาพ 4.bp.blogspot.com
        “แพ้อากาศ” โรคยอดฮิต
       
       1.โรคแพ้อากาศเกิดจากการตอบสนองที่ไวเกินไปของเยื่อบุภายในโพรงจมูกต่อสารก่อภูมิแพ้ พบได้บ่อยในเด็กวัยเรียนและผู้ใหญ่ สารก่อภูมิแพ้ที่อยู่ในอากาศที่เป็นสาเหตุสาคัญของโรคแพ้อากาศคือ ไรฝุ่น อาศัยอยู่ในที่นอน หมอน และผ้าห่ม ไรฝุ่นนี้ชอบกินรังแคของคนเป็นอาหาร สารก่อภูมิแพ้อื่นๆ ได้แก่ แมลงสาบ ขนสัตว์ และเกสรดอกไม้
       
       2.ผู้ป่วยที่แพ้อากาศจะมีอาการคัดแน่นจมูก จาม น้ามูกไหล คันตา และคันจมูก นอกจากนั้นอาจมีอาการหูอื้อ อ้าปากหายใจ นอนกรน และมีเลือดกาเดาไหล อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้แก่ โรคหูชั้นกลางอักเสบ และโรคไซนัสอักเสบ ผู้ป่วยที่มีอาการแพ้อากาศที่รุนแรงจะมีอาการมากในเวลากลางคืน ทาให้รบกวนต่อการนอนหลับ ซึ่งทาให้เกิดอาการง่วงนอนเวลากลางวัน และอาจส่งผลให้มีอาการหงุดหงิดและสมาธิสั้นในผู้ป่วยเด็ก
       
       3.เด็กที่เป็นโรคแพ้อากาศ เมื่อเด็กโตขึ้น อาการอาจดีขึ้นหรืออาจเป็นมากขึ้นก็ได้ การหมั่นออกกาลังกายและรักษาสุขภาพโดยรวมให้แข็งแรง จัดการสิ่งแวดล้อมอย่างเหมาะสม ร่วมกับการใช้ยา จะสามารถควบคุมอาการของโรคได้ ทาให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีใกล้เคียงกับคนปกติทั่วไป
       
       “ภูมิแพ้” โรคที่ป้องกันได้
       
       การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยเฉพาะถ้าให้ได้นานตั้งแต่ 4-6 เดือนขึ้นไป จะช่วยลดโอกาสและลดความรุนแรงของโรคภูมิแพ้ในเด็กได้ กรณีนมแม่มีปริมาณไม่เพียงพอ อาจพิจารณาเลือกใช้นมสูตรพิเศษที่มีโอกาสแพ้น้อย
       
       เด็กที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดโรคภูมิแพ้ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีพ่อแม่หรือพี่เป็นโรคภูมิแพ้ มีคำแนะนำดังต่อไปนี้ คือ
       
       - เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน
       - เลื่อนเวลาในการให้อาหารเสริมออกไปเป็นอายุ 6 เดือน
       - หลีกเลี่ยงอาหารเสริมที่เด็กอาจแพ้ได้ง่ายก่อนวัยอันควร เช่น อาหารทะเล และลดการสัมผัสกับไรฝุ่น

 

 

 
กำลังแสดงหน้าที่ 1 จากทั้งหมด 0 หน้า [หน้าถัดไปคือหน้าที่ 2] 1
 

 
เงื่อนไขแสดงความคิดเห็น
1. ทุกท่านมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระเสรี โดยไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ไม่กล่าวพาดพิง และไม่สร้างความแตกแยก
2. ผู้ดูแลระบบขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใด ๆ ต่อเจ้าของความคิดเห็นนั้น
3. ความคิดเห็นเหล่านี้ ไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมาย และไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้นกับคณะผู้จัดทำเว็บไซต์

ชื่อ :

อีเมล์ :

ความคิดเห็นของคุณ :
                                  

              * ใส่รหัสจากภาพที่เห็นลงในช่องด้านล่าง และใส่คำตอบจากคำถาม เพื่อยืนยันการส่งความเห็น
  และสำลีสีอะไร
    

          ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการแสดงความคิดเห็นโดยสาธารณชน ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าชื่อผู้เขียนที่้เห็นคือชื่อจริง และข้อความที่เห็นเป็นความจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ boyoty999@google.com  เพื่อให้ผู้ดูแลระบบทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้