กรณีชิเกตะ 'อาชญากรรมการแพทย์-ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี'
นำเข้าเมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2557 โดย นายจุฬา ศรีบุตตะ
อ่าน [58542]  

.....

 
กรณี 'ชิเกตะ' อาชญากรรมการแพทย์-ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
 
                         หมายเหตุ - ดร.เมธินี รัตรสาร ผู้อำนวยการส่วนวิจัยและพัฒนาอุปกรณ์พิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รวบรวมข้อมูลจากการเสวนา "อาชญากรรมการแพทย์ ​ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี" โดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากสาขาเวชศาสตร์เจริญพันธุ์เข้าร่วม ในวงเสวนาได้วิเคราะห์ถึงกรณี นายชิเกตะ ชาวญี่ปุ่น "คม ชัด ลึก" นำเสนอบทวิเคราะห์ของดร.เมธินี ดังนี้
 
 
 
 
 
                         ในยุคการแพทย์ที่เทคโนโลยีก้าวไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์ในทางที่เป็นบวกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Human Genome Project การนำซอฟต์แวร์มาช่วยในการวิเคราะห์ผลพลาสมา ดีเอ็นเอ และการวิจัยต่างๆ ทางการแพทย์  ล้วนทำให้มนุษย์มีชีวิตยืนยาว ลดความทุกข์ทรมานจากอาการของโรคต่างๆ อย่างไรก็ดีสิ่งใดก็ตามที่มีคุณอนันต์มักจะมีโทษมหันต์ตามมาเช่นกัน  
 
                         เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2557 มีการบุกเข้าไปนำเด็กที่เกิดจากการอุ้มบุญโดยพ่อชาวญี่ปุ่น โดยพบเด็กชาย 6 คน เด็กหญิง 3 คน และมีลักษณะภายนอกเชื้อชาติต่างกัน เช่นฝาแฝดคู่หนึ่งมีสัญชาติสเปน อีกทั้งยังมีการนำเด็กออกไปยังประเทศกัมพูชาก่อนหน้านี้แล้ว 4 คน โดยนำเด็กไปเปลี่ยนสัญชาติเป็นญี่ปุ่นที่อินเดีย แล้วจึงนำเด็กไปยังประเทศกัมพูชา...จากนี้ไปจะมีใครติดตามเด็กหรือไม่ว่ามีชีวิตอย่างไร ประสบกับความสุขหรือทุกข์หรืออาจจะถูกนำไปใช้เป็นเหยื่อของอาชญากรรมการแพทย์หรือไม่
 
                         ยุค สเต็มเซลล์, เซลล์ เธอราพี, ยีน เธอราพี และความทันสมัยอื่นๆ อีกมากมายที่ทะลักทลายเข้ามาในประเทศที่กำลังพัฒนาในหลายๆ ด้าน แต่ปัญหาในการบังคับใช้กฎหมายที่ยังไม่เท่าทันทำให้ประเทศไทยเป็นสวรรค์ในการก่ออาชญากรรมโดยไม่รู้ตัวหรือไม่
 
                         สเต็มเซลล์ (Stem cell) ได้ถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคร้ายแรงและโรคเรื้อรังหลายชนิด เช่น ธาลัสซีเมีย ลูคีเมีย อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน อัมพาตไขสันหลัง กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เบาหวาน เป็นต้น ให้หายขาดได้ รวมทั้งการเสริมความงาม การชะลอความแก่ชรา
 
                         ในประเด็นของเด็กที่อาจจะเป็นเหยื่อของอาชญากรรมได้นั้น มีความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้สูง เนื่องจากเมื่อเด็กคลอดแล้ว แม่อุ้มบุญก็จะรับเงินแล้วแยกจากเด็กไป ทำให้เด็กอยู่ในความครอบครองของผู้ว่าจ้าง ซึ่งต่างจากกรณีขโมยเด็กไป จะเกิดผู้ร้องทุกข์คือพ่อแม่เด็ก แต่เด็กที่เกิดจากแม่อุ้มบุญนั้นจะแตกต่างไป ดังนั้นเรากลับมาสู่ประเด็นว่า เด็กอาจจะกลายเป็นเหยื่อได้อย่างไรจากความก้าวหน้าสุดล้ำทางการแพทย์ได้อย่างไรบ้าง
 
                         ประเด็นที่ 1 ใช้ในการปลูกถ่ายไขกระดูก bone marrow transplant หรือ stem cell transplant ของผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับเลือด เช่น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือลูคีเมีย ซึ่งการรักษาในปัจจุบันมีทั้งใช้สเต็มเซลล์ที่ยังดีอยู่ในไขกระดูกของผู้ป่วยเอง หรือจากผู้อื่นที่บริจาคให้ ในกรณีหลังหากมีความไม่เข้ากันของเนื้อเยื่อผู้ป่วยที่รับเซลล์มาจะต้องได้รับการกดภูมิคุ้มกัน เพื่อไม่ให้ต่อต้านเซลล์ที่รับมา ซึ่งไม่เป็นการดีนักต่อผู้ป่วย  
 
                         ดังนั้นหากเอาสเต็มเซลล์ที่ยังดีของผู้ป่วยมาเลี้ยงเพิ่มจำนวนในกระดูกของเด็กก็จะได้เซลล์คุณภาพดีจำนวนมากสำหรับรักษาผู้ป่วยคนนั้น โดยกำจัดไขกระดูกของเด็ก พูดง่ายๆ ว่า ฆ่าไขกระดูกของเด็กให้หมด จากนั้นเอาไขกระดูกของผู้ป่วยใส่เข้าไป แน่นอนเซลล์เหล่านั้นคือสิ่งแปลกปลอม ดังนั้นระบบภูมิคุ้มกันของเด็กจะกำจัดเซลล์เหล่านี้ จึงต้องให้ยาเพื่อกดภูมิคุ้มกันเด็กไว้ ซึ่งไม่เป็นปัญหาในการใช้ชีวิตของเด็กเหล่านี้ เพราะพวกเขาจะได้รับอาหาร ขนม ดูการ์ตูน เล่นเกม ทำกิจกรรมต่างๆ ได้ ในบ้านที่กำหนดบริเวณและอยู่ในสภาพปลอดเชื้อ ไม่มีความจำเป็นที่ต้องออกไปไหน ไม่จำเป็นต้องเรียนหนังสือ เพราะไม่น่าจะมีชีวิตยืนยาวนัก เมื่อได้เซลล์ในปริมาณที่ต้องการแล้วก็นำเซลล์เหล่านั้นไปปลูกถ่ายให้คนไข้ ส่วนเด็กก็จะคอยเซลล์ผู้ป่วยใหม่ที่ตัวเองจะต้องเลี้ยงต่อไป ...ไม่ว่าจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม !
 
                         ประเด็นที่ 2 ใช้ทำ ยีน เธอราพี (gene therapy) โดยการตัดต่อยีนเข้าไปในสเต็มเซลล์ของผู้ป่วยเพื่อให้ผลิตสารฆ่ามะเร็ง เช่น การรักษามะเร็งชนิด myeloma โดยนำเซลล์ที่ตัดต่อยีนแล้วไปเลี้ยงไว้ในไขกระดูกของเด็ก เมื่อได้เซลล์ปริมาณมากพอจึงนำกลับมาใส่ในผู้ป่วย หรืออาจตัดต่อยีนเข้าไปในสเต็มเซลล์ของเด็ก แล้วสกัดเอาสารที่ต้องการออกมาจากเลือด
 
                         ประเด็นที่ 3 ใช้เด็กเป็นแหล่งสร้างเซลล์ที่เรียกว่า induced pluripotent stem cells (1) ซึ่งเป็นการพัฒนาไปอีกขั้นของวงการสเต็มเซลล์ คือการนำเซลล์ที่โตเต็มที่แล้วมาชักนำให้เป็นสเต็มเซลล์ โดยในปี ค.ศ.2007 Yamanaka ได้ทำให้เซลล์เนื้อเยื่อเกี่ยวพันเต็มวัย กลับไปเป็น induced pluripotent stem cells โดยใช้ยีน Oct3/4, Sox2, Klf4, and c-Myc
 
                         ประเด็นที่ 4 ใช้เด็กเป็นแหล่งสร้างเนื้อเยื่อหรืออวัยวะ โดยใช้สเต็มเซลล์ของอวัยวะหรือเนื้อเยื่อที่ต้องการใส่เข้าไปในร่างกายเด็กเพื่อให้พัฒนาตามต้องการเช่น ตับ กระดูก ไต โดยอาศัยเด็กเป็นแหล่งให้อาหาร
 
                         ตัวอย่างเท่าที่กล่าวมาเป็นสิ่งที่เป็นไปได้และเกิดขึ้นได้จากความก้าวหน้าในทางการแพทย์ หากมีผู้ที่เห็นประโยชน์ทางการค้ามากกว่ามนุษยธรรม อาชญากรรมก็จะเกิดขึ้นทันที อีกทั้งยากต่อการสืบสวนสอบสวน เพราะต้องอาศัยองค์ความรู้ด้านการแพทย์ กฎหมาย และยุทธวิธีในการสืบสวนสอบสวนที่แตกต่างไปจากอาชญากรรมทั่วไป อีกทั้งความร่วมมือของบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมอย่างจริงจัง  
 
                         อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนขอย้ำว่า บทความนี้ชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้เท่านั้น และหวังว่า คงจะไม่เกิดขึ้นกับเด็ก ซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ไม่สามารถปกป้องตนเองได้
 
 
 
------------------------
 
(1) induced pluripotent stem cells คือการนำเซลล์ต้นตอจากเซลล์ที่เจริญวัยเต็มที่แล้วมาเปลี่ยนให้มีคุณสมบัติให้เหมือนกับเซลล์ต้นตอจากตัวอ่อนมนุษย์

 

 
กำลังแสดงหน้าที่ 1 จากทั้งหมด 0 หน้า [หน้าถัดไปคือหน้าที่ 2] 1
 

 
เงื่อนไขแสดงความคิดเห็น
1. ทุกท่านมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระเสรี โดยไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ไม่กล่าวพาดพิง และไม่สร้างความแตกแยก
2. ผู้ดูแลระบบขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใด ๆ ต่อเจ้าของความคิดเห็นนั้น
3. ความคิดเห็นเหล่านี้ ไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมาย และไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้นกับคณะผู้จัดทำเว็บไซต์

ชื่อ :

อีเมล์ :

ความคิดเห็นของคุณ :
                                  

              * ใส่รหัสจากภาพที่เห็นลงในช่องด้านล่าง และใส่คำตอบจากคำถาม เพื่อยืนยันการส่งความเห็น
  และสำลีสีอะไร
    

          ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการแสดงความคิดเห็นโดยสาธารณชน ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าชื่อผู้เขียนที่้เห็นคือชื่อจริง และข้อความที่เห็นเป็นความจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ boyoty999@google.com  เพื่อให้ผู้ดูแลระบบทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้