“ No Degree You Can do” “ครูแดกซ์ สมโภชน์” ชุมชนบ้านครัว ราชเทวี กทม.
นำเข้าเมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2557 โดย นายจุฬา ศรีบุตตะ
อ่าน [58537]  

.....

หนังสือพิมพ์ฉบับภาษาอังกฤษเล่มเก่า กลิ่นฉุนสลับกับเล่มใหม่ ถูกหยิบขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อใช้สอนลูกศิษย์ที่มากหน้าหลายตา อีกทั้งพจนานุกรมไทย-อังกฤษ เล่มหนา ขาดบ้าง อักษรสีจางบ้าง หากสภาพพอใช้งานได้ก็จะถูกเปิดใช้ซ้ำๆ พร้อมกับการสอนภาษาอังกฤษในห้องเรียนใต้ถุนบ้านของ “ครูแดกซ์ สมโภชน์” ชุมชนบ้านครัว ราชเทวี กทม.ซึ่งไม่มีวันใดที่ครูไม่มีลูกศิษย์นั่งรายล้อม

 
“สมโภชน์ เผือกสำลี” ครูนอกกระแส ผู้น่ายกย่อง
(เสื่อฟ้า)ครูแดกซ์ในปัจจุบัน
        ชุมชนบ้านครัวเป็นชุมชนมุสลิมเก่ามีศิษย์มุสลิมหลายคนเข้าไปเรียนภาษาอังกฤษที่บ้านครูแดกซ์ มีตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงอุดมศึกษา และระดับบุคคลทั่วไป โรงเรียนใต้ถุนบ้านนี้ไม่ใช่ลานกิจกรรมกว้างขวาง ไม่ใช่สถาบันสอนภาษาแต่เป็นเรื่องที่น่าแปลกว่าทำไมครูคนนี้จึงมีศิษย์มากมาย
       
        ข้อสงสัยดังกล่าว “ มัทนา เจริญวงศ์” อาจารย์มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตบางรัก เป็นผู้ค้นหาคำตอบนั้นขึ้นมาผ่านลูกศิษย์ที่เรียนด้วย โดยเมื่อครั้งนักศึกษาวารสารศาสตร์ส่งประเด็นการสัมภาษณ์ลงนิตยสารฝึกหัด มี theme เรื่องที่สะดุดใจครูมัทนา นั่นคือ “ No Degree You Can do” ที่นำเสนอเรื่องราวของคนที่ทำประโยชน์เพื่อสาธารณะ โดยไม่อิงความรู้ทางปริญญาบัตร หนึ่งในนั้น คือ ครูแดกซ์ ครูสอนภาษาอดีตนักข่าวหลายสำนักทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ แต่เหตุผลที่ผันตัวเองมาเป็นอาจารย์ก็เพราะป่วยด้วยโรคอ้วนและโรคแทรกซ้อนอื่นๆ จนมีอาการหนักขั้นเดินไม่ได้ แต่ด้วยความรู้ด้านภาษาและวิสัยทัศน์ที่กว้าง ทำให้ครูแดกซ์ไม่อาจอยู่นิ่งกับปัญหาสุขภาพและหันมาสอนหนังสือในรูปแบบของตนเอง ที่พอจะช่วยเหลือได้ ซึ่งครูมัทนา ก็นับตัวเองเป็นศิษย์คนหนึ่งเช่นกัน เพราะเคยนำผลงานภาคภาษาอังกฤษไปเสนอให้ครูแดกซ์ช่วยตรวจให้
       
        ครูสาว ถ่ายทอดเรื่องราวน่ายกย่องของของแม่พิมพ์หัวใจแกร่งไว้ว่า ครูแดกซ์ทำประโยชน์ต่อลูกศิษย์ไว้สารพัด การเรียนการสอนแต่ละครั้งไม่เคยตั้งราคาไว้ ใครมีก็จ่าย ใครไม่มีก็เรียนฟรีผลผลิตของนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปกรที่บอกว่าเป็นศิษย์ครูแดกซ์ใช้ภาษาอังกฤษได้ดี และมีความรู้พอจะช่วยเหลือตัวเองได้ตนจึงมั่นใจว่าแม่พิมพ์รายนี้ไม่ธรรมดา และพอมารู้ทีหลังว่า เป็นอดีตนักข่าวในสำนักข่าวชั้นนำหลายแห่ง เช่น BBC , CNN , NHK , และผ่านสนามข่าวสงครามมาหลายครั้ง อาทิ สงครามเวียดนาม ยุคเขมรแดงครองเมืองและผ่านสถานการณ์การรายงานข่าวในพื้นที่เสี่ยงภัยมาอย่างโชกโชน ยิ่งทำให้แม่พิมพ์รายนี้ดูมีสง่าราศีมากกว่าการเป็นแค่ครูสอนภาษาอังกฤษธรรมดา

 
“สมโภชน์ เผือกสำลี” ครูนอกกระแส ผู้น่ายกย่อง
ลูกศิษย์จากชุมชนบ้านครัว
        แม้หลายคนจะการันตีคุณภาพของครูแดกซ์ไว้อย่างน่าทึ่ง แต่สำหรับเจ้าตัวแล้ว การให้การศึกษาแก่เด็ก คือ การลงทุนที่ยิ่งใหญ่และได้ผลผลิตคุ้มค่าและไม่ว่าเขาคนนั้นจะมีรากเหง้ามาจากที่ใด การศึกษาจะยกระดับพวกเขาเอง
       
        “ ตอนเราเรียนภาษาอังกฤษก็ใช้วิธีไปรับจ้างตัดหญ้าบ้านฝรั่งรวยๆ ฟังเขาพูดบ่อยๆ เริ่มชินไปเอง แต่พอมาถึงจุดนี้สังคมเปลี่ยนไปแล้ว คนมีเงินก็จ่ายให้ลูกเรียนที่ดีๆ เราไม่ใช่โรงเรียนสอนภาษา จะมีห้องแอร์ มีขนม มีชา กาแฟเสิร์ฟเด็กแล้วให้เขาจ่ายเงินตามเรท แบบนั้นไม่ได้ เรานั่งตรงนี้ทุกคนเรียกเราว่าครู ทั้งที่ไม่มีความรู้ด้านคุรุศาสตร์เลย มันเป็นคำที่ศักดิ์ศิษย์นะ เมื่อมีคนเรียกเราอย่างนั้น เราต้องกระตุกตัวเองให้ตื่นให้ลุกขึ้นมา ตอนป่วยเดินไม่ได้ก็ขอพรอัลเลาะห์ว่าให้เราหาย เราจะช่วยเหลือคนที่เราช่วยได้ เราจะไม่นิ่ง ไม่เป็นภาระใคร แล้วก็เริ่มเดินได้ ทั้งๆที่เข้าโรงพยาบาลนานหลายเดือน” ครูวัย 56 เล่า
       
        จากบทบาทของนักข่าวที่คุ้นเคยกับข่าวหนัก และทุ่มเททั้งกายใจเพื่อผลิตสื่อคุณภาพ เมื่อต้องมาล้มหมอน นอนเสื่อครูแดกซ์ยอมรับว่า เหมือนมีใครมากดหัวไว้ สติไม่มี แต่พอคิดได้ก็เริ่มมองหาช่องทางอื่น และความรู้เดียวที่ไม่ต้องไปลุยเหมือนอาชีพสื่อมวลชน ก็คือ การสอนภาษาอังกฤษ ทุกทักษะแบบตัวต่อตัว และเน้นการแปลมากกว่าไวยากรณ์
       
        แม้ร่างกายจะมีน้ำหนักตัวมากถึง 165 กิโลกรัมและเคลื่อนไหวลำบาก แต่ครูแดกซ์ไม่ได้สนใจประเด็นนั้น สอนหนังสือตอนเช้าเสร็จ ลุกขึ้นไปทำกับข้าวเลี้ยงลูกศิษย์ จ่ายเงินซื้อขนมมาเลี้ยงดูและยังแบ่งเวลาเลี้ยงแมวไว้ในบ้านอีกหลายตัว โดยมีพี่ชายคอยช่วยดูแล
       
        หากถามถึงรายได้จากการสอนมีมากเหมือนตอนเป็นเหยี่ยวข่าวหรือเปล่า ครูแดกซ์บอกว่าไม่สามารถหาได้ กำไรสูงสุดจากอาชีพครูสอนภาษานอกระบบตอนนี้ แทบไม่มี แต่มีความสุขที่เห็นเด็กๆ มาเยี่ยม มาเล่น มาเรียน มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ครูเคยขอทุนจากองค์กรเอกชนมาสร้างศาลาเรียนหนังสือในบริเวณบ้านของตนเอง แต่ไม่มีใครอนุมัติ พอศิษย์เข้ามาพร้อมกัน 10 กว่าคน ใต้ถุนบ้านและม้านั่งไม่พอ ครูต้องจัดตารางเรียนให้ศิษย์ใหม่ เพื่อความสะดวกและสลับเวลาสอนให้ทัน
       
        “เราอยากสอนพร้อมๆ กัน ไม่เหนื่อย ไม่เสียเวลาเรา แต่เด็กเขาต้องเรียน เขาต้องมีหน้าที่อย่างอื่น เรานั่งอยู่บ้านเฉยๆ จะออกไปไหนทีก็ยาก เรามีเวลาเยอะกว่าเด็ก เพราะไม่ได้ออกไปไหน อยู่บ้านสบายจะตายก็ต้องให้ความสำคัญกับคนรุ่นใหม่ก่อน บางคนก็ต้องไปเรียนพิเศษที่อื่นด้วย ไม่อยากให้ศิษย์จะต้องมากลุ้มใจดังนั้นต้องพยายามจัดการพื้นที่และเวลาให้ดี ส่วนเรื่องทุนมาสร้างศาลาเรียน นั้นไม่ได้หวังแล้ว เมื่อใดหายป่วยอาจจะควักเงินของตัวเองมาสร้างไม่น่าจะช้าเกินไป”
       
        ศิษย์รุ่นแล้วรุ่นเล่าเดินออกจากสำนักงานสอนใต้ถุนบ้านไม้เก่า บางคนเรียนจบแล้วกลับมากราบไหว้ในวันว่าง บางคนยังเรียนอยู่ก็แวะเยี่ยมเยียนครูในฐานะคนที่น่าเคารพและมีบุญคุณ แต่วันนี้ครูแดกซ์ต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่ โรงพยาบาลกลาง กทม. เพื่อรอเวลาผ่าตัดซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาเป็นเดือน เป็นปี ความห่วงหาอาทรต่อศิษย์ยังไม่หายไปไหน เด็กๆ ที่เรียนด้วยหอบสมุดการบ้านไปเยี่ยมที่ โรงพยาบาลครูยังสละเวลาในการตรวจและดูแล ศิษย์ที่อยู่ไกลครูยังอุตส่าห์ถามไถ่ เปิดเมล์ เปิดเฟซบุ๊กให้คำปรึกษาไม่เคยคิดค่าจ้างส่วนนั้นแม้แต่บาทเดียว
       
        “สมองเราไม่ได้อัมพาต ความรู้เราไม่ได้ดับไป เราจะผลักไสให้นักเรียนที่เงินน้อย เบี้ยต่ำที่โตมาในชุมชนของเรา ไปหาที่เรียนใหม่ได้อย่างไร เขามาเยี่ยมเราบางคนก็มาดูแลมาอยู่เป็นเพื่อนให้หายเหงา เอาการบ้านมาทำ เรามองดูแล้วพวกเขาคืออนาคตของชาติทั้งนั้น แต่แค่เขาไม่มีเงินเรียนพิเศษใช่ว่าการศึกษาเขาต้องแย่ เราจะทำเท่าที่แรงเรามี เรามีพระเจ้าอยู่หัวฯ เป็นตัวอย่าง ทรงงานหนัก เหนื่อย ตากแดด ตากลม ก็ยังทรงงานเหมือนเดิม แล้วเราเป็นใครจะหยุดสอนเพราะเข้าโรงพยาบาลก็ไม่ใช่เหตุผลนะ เพราะที่ผ่านมานั่งอยู่กับที่ ต่างกันแค่ที่นี่ไม่ใช่บ้านก็เท่านั้น แต่เมื่อศิษย์มาหา เราก็ช่วยดูให้ บางคนเราก็จ้างเขามา ให้เขามีรายได้เวลาช่วยเหลือเราทั้งล้างผลไม้ เก็บที่นอน ในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่งจะเปรียบเด็กไม่ได้ ไว้สอนได้ปกติเมื่อใดกลับบ้านไปก็ค่อยไปเก็บค่าจ้างจากคนที่เขามีพอจ่าย ไม่จำกัดว่าเท่าไหร่ เอาแค่เขาจ่ายมาเขาไม่เดือดร้อนก็พอ”
       
        สำหรับครูแดกซ์แล้วไม่ว่าการสอนในหรือนอกระบบหากผู้เรียนเสียประโยชน์แล้ว สิ่งนั้นไม่เรียกว่าการศึกษา เพราะการศึกษาคือการลงทุนแล้วได้กำไร ซึ่งปัญหาการป่วยของครูแดกซ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็จะต้องไม่เป็นตัวฉุดการศึกษาของใครเช่นกัน ตัวอย่างของแม่พิมพ์นอกกระแสท่านนี้ควรยิ่งที่นักการเมืองและข้าราชการสายการศึกษา ซึ่งก่อคอรัปชั่นควรละอาย
 

 

 
กำลังแสดงหน้าที่ 1 จากทั้งหมด 0 หน้า [หน้าถัดไปคือหน้าที่ 2] 1
 

 
เงื่อนไขแสดงความคิดเห็น
1. ทุกท่านมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระเสรี โดยไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ไม่กล่าวพาดพิง และไม่สร้างความแตกแยก
2. ผู้ดูแลระบบขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใด ๆ ต่อเจ้าของความคิดเห็นนั้น
3. ความคิดเห็นเหล่านี้ ไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมาย และไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้นกับคณะผู้จัดทำเว็บไซต์

ชื่อ :

อีเมล์ :

ความคิดเห็นของคุณ :
                                  

              * ใส่รหัสจากภาพที่เห็นลงในช่องด้านล่าง และใส่คำตอบจากคำถาม เพื่อยืนยันการส่งความเห็น
  และสำลีสีอะไร
    

          ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการแสดงความคิดเห็นโดยสาธารณชน ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าชื่อผู้เขียนที่้เห็นคือชื่อจริง และข้อความที่เห็นเป็นความจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ boyoty999@google.com  เพื่อให้ผู้ดูแลระบบทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้