ประธานเครือข่ายสมาชิก กบข.หนุนคลัง แก้กฎบำเหน็จ-บำนาญให้เลือกแบบเดิมได้ แนะเปลี่ยนสูตรคำนวณใหม่ด้วย เลขาธิการกองทุนฯรับระบบเดิมได้เงินมากกว่า หากรับราชการเกิน 35 ปี
น.ส.โสภาวดี เลิศมนัสชัย เลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม กรณีกระทรวงการคลังจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาแนวทางแก้ไขการจ่ายเงินบำนาญให้ข้าราชการที่เป็นสมาชิก กบข.ใหม่ หลังมีข้าราชการส่วนหนึ่งร้องเรียนว่า ผลการตอบแทนน้อยกว่าการจ่ายบำนาญแบบเดิม โดยจะให้เลือกว่าจะรับบำนาญกับ กบข.ต่อไป หรือจะกลับไปรับบำนาญแบบเดิมก็ได้ว่า สมาชิก กบข.ปัจจุบันมีจำนวน 1.2 ล้านราย มีข้าราชการที่รับราชการก่อนปี 2540 ที่เลือกเข้าเป็นสมาชิก กบข.ประมาณ 8 แสนราย ส่วนใหญ่เป็นครูมากกว่า 40% นอกจากนั้นเป็นข้าราการส่วนอื่นๆ รวมทั้งทหารด้วย โดยกลุ่มนี้จะมีสิทธิเลือกได้ว่า จะรับบำนาญแบบใด
น.ส.โสภาวดีกล่าวว่า หากสมาชิกดังกล่าวจะเลือกแบบเดิมทั้งหมดจะไม่กระทบกับ กบข.มากนัก เพราะจะมีส่วนที่ กบข.ต้องจ่ายคืนสมาชิกเพียงเงินสะสม 3% ต่อเดือน พร้อมผลประโยชน์จากการลงทุนเท่านั้น ส่วนของเงินประเดิมที่รัฐจ่ายเป็นก้อนจูงใจให้เข้ากองทุนช่วงแรก กับเงินสมทบและเงินชดเชยอีก 5% นั้น สมาชิกที่จะเลือกไปใช้บำนาญแบบเดิมต้องคืนให้รัฐทั้งหมด ซึ่งยังไม่ได้กำหนดว่าต้องคืนแบบใด อาจจะหักไปหลังจากเกษียณแล้วได้รับเงินก็ได้ โดยต้องรอความชัดเจนของนโยบายจากกระทรวงการคลังและรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง
"ขณะนี้คงยังประเมินไม่ได้ว่า สมาชิก 8 แสนรายนี้จะกลับไปเลือกบำนาญแบบเดิมทั้งหมดหรือไม่ แต่ยอมรับว่าคงจะมีไม่น้อยที่คิดว่า ถูกหลอกให้เข้ามาเป็นสมาชิก โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุราชการเหลือไม่มาก หรือรับราชการมานานกว่า 35 ปี หากใช้บำนาญแบบ กบข.จะได้รับเงินบำเหน็จบำนาญน้อยกว่าสูตรเดิม ส่วนนี้อาจกลับไปใช้สูตรเดิม เพราะสูตรของ กบข.คำนวณอายุราชการต่อคนไว้ที่ 35 ปี บางกลุ่มอาจมีระยะเวลานานกว่านี้ เช่น กลุ่มทหารตามแนวชายแดนที่จะได้เวลาทวีคูณมากกว่าข้าราชการอื่นๆ หากเอาระยะเวลาทำงานมาคูณเงินเดือนสุดท้ายจะได้มากกว่าใช้สูตรของ กบข." น.ส.โสภาวดีกล่าว
น.ส.โสภาวดีกล่าวว่า ยอมรับว่าในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ผลตอบแทนเฉลี่ยอาจไม่ถึง 8-9% เหมือนตอนที่ระบุไว้ โดยปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 6-7% เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยปรับลดลงต่อเนื่อง และการลงทุนในพันธบัตรมีผลตอบแทนเพียง 3% ทำให้ กบข.ต้องหาแนวทางบริหารเงินกองทุนที่มีกว่า 5 แสนล้านบาท ให้เกิดผลตอบแทนสูงสุด โดยเฉพาะการขอเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น รวมถึงมองว่าถึงเวลาต้องแก้ไขกฎหมาย กบข.ให้มีความคล่องตัวมากขึ้น อย่างไรก็ตาม กบข.เห็นด้วยกับกรมบัญชีกลางที่จะตั้งกองทุนและจัดสรรเงินงบประมาณเข้ามา บริหารให้เกิดประโยชน์อย่างน้อย 1 แสนล้าน เพื่อเตรียมพร้อมใช้เงินจ่ายบำเหน็จบำนาญในอนาคต ที่คาดว่าปี 2578 จะใช้งบสูงถึง 7-8 แสนล้านบาท หากไม่เตรียมพร้อมอาจนำไปสู่ภาวะถังแตก และมีปัญหาเหมือนประเทศกรีซได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสูตรการคำนวณเงินบำเหน็จบำนาญแบบเก่า คำนวณจากฐานเงินเดือนเดือนสุดท้าย คูณระยะเวลาราชการ หารด้วย 50 ขณะที่สูตรใหม่ของ กบข. ใช้เฉลี่ยเงินเดือน 60 เดือนสุดท้าย คูณด้วยระยะเวลาราชการ หารด้วย 50 แต่ต้องไม่เกิน 70% ของอัตราเฉลี่ยเงินเดือน 60 เดือนสุดท้าย
นายวิศร์ อัครสันตติกุล ประธานองค์กรเครือข่ายสมาชิก กบข.แห่งประเทศไทย กล่าวถึงกระทรวงการคลังจะเสนอขอแก้ไขกฎหมาย กบข.เข้าที่ประชุม ครม.สัปดาห์หน้าว่า ในนามตัวแทนสมาชิก กบข.ขอชื่นชมและสนับสนุนเต็มที่ เพราะสมาชิกได้เคลื่อนไหวเรียกร้องมานานแล้ว ที่สำคัญไม่เพียงแต่ให้ลาออกได้แล้วไปรับบำนาญสูตรเดิมปี 2494 เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่สิ่งที่สมาชิกเรียกร้องอีกคือ ให้แก้สูตรการคำนวณบำนาญตามมาตรา 63 ของ พ.ร.บ. กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2539 จากในปัจจุบันที่ให้คำนวณเงินเดือนๆ สุดท้าย คูณด้วยเวลาราชการ หารด้วย 50 แต่ต้องไม่เกิน 70% เฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย ควรแก้เป็นให้คำนวณเงินเดือนเดือนสุดท้าย คูณด้วยเวลาราชการ หารด้วย 50 แต่ต้องไม่ต่ำกว่า 85% เฉลี่ย 24 เดือนสุดท้าย และให้สมาชิกลาออกได้ไปรับบำนาญตามสูตรเดิม
"กรณีที่เสียชีวิต ให้ทายาทได้รับประโยชน์ที่เป็นธรรม และให้มีผลย้อนหลังไปถึงสมาชิกที่เกษียณไปแล้ว เพราะมีสมาชิกที่เกษียณไปแล้ว โทรศัพท์มาหาตลอดเวลาว่าได้รับความลำบากในการเป็นอยู่มาก เพราะได้รับบำนาญเพียงน้อยนิด ไม่พอกับหนี้สิน ประกอบกับเศรษฐกิจฝืดเคืองขึ้น จึงขอให้กระทรวงการคลังดูแลในส่วนนี้ด้วย" นายวิศร์กล่าว
นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นด้วย เพราะเดิมก่อนจะมี กบข.เมื่อเกษียณอายุราชการจะได้รับเงินบำเหน็จหรือบำนาญอย่างเดียว แต่ช่วงหนึ่งรัฐบาลสนับสนุนให้ข้าราชการใส่เงินสมทบกองทุน กบข.ด้วย และบอกว่าจะได้รับสิทธิประโยชน์มากกว่าบำเหน็จหรือบำนาญ เพราะนำเงินไปลงทุน แต่ช่วงที่ผ่านมาหลายคนมองว่า เงินที่นำไปลงทุนไม่เป็นไปตามที่ กบข.เคยบอก และเห็นว่าการลงทุนมีความเสี่ยง ดังนั้น หากรัฐบาลให้ข้าราชการสามารถเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งได้ ถือเป็นเรื่องดี
"ผมไม่แน่ใจว่า รัฐบาลจะให้เลือกใหม่ เพราะจะเกิดความยุ่งยาก และต้องใช้เงินเยอะมาก หากข้าราชการส่วนใหญ่เลือกไปรับบำเหน็จหรือบำนาญอย่างเดียว แต่มีทางแก้ไข โดยหากรัฐบาลเห็นว่าระบบของ กบข.มีปัญหาตรงไหน ก็แก้ตรงนั้น เช่น ทุกคนกลัวว่า เงินที่ถูกหักไปลงทุนไว้กับ กบข.จะขาดทุน เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง เมื่อได้คืนจะไม่เท่ากับที่ลงทุนไป ดังนั้น เป็นไปได้หรือไม่ที่จะประกันเงินขั้นต่ำไว้ เพื่อความสบายใจ" นายสมคิดกล่าว
นายสุขุม เฉลยทรัพย์ ประธานที่ปรึกษาอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต (มสด.) กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลทำได้ถือเป็นเรื่องดีเพราะข้าราชการจะได้ประโยชน์จากการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ แต่ประเด็นสำคัญคือ รัฐจะนำเงินมาจากไหน เพราะหากจะกลับไปเป็นแบบเดิม เท่ากับรัฐจะต้องใช้เงินมหาศาล และคนที่ขาดทุนจาก กบข.ไปแล้ว จะต้องชดเชยให้ด้วยหรือไม่ ทั้งนี้ คิดว่าผู้ที่เดือดร้อนมากที่สุดในเรื่องนี้คือข้าราชการครูที่มีอยู่จำนวนมาก