ความฝันเล็กๆ ของเด็กตัวน้อยตั้งแต่ลืมตาดูโลก ยามมองเห็นสิ่งไม่มีชีวิตที่เคลื่อนไหวได้อยู่เต็มถนน พอเติบโตมาความคิดเริ่มแตกหนุ่มปนฉงนในความสงสัยว่า ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ถึงแม้ไม่มีชีวิตแต่อุตส่าห์วิ่งได้ แล้วทำไมไม่ทำให้มันพูดได้ซะทีเล่า เขาคงอยากส่งคำถามนี้ไปให้กับผู้สร้างรถยนต์สักคนหนึ่ง...
แต่แล้วประกายใกล้เคียงสิ่งที่ใครหลายคนเคยตั้งคำถาม มันกำลังจะกลายเป็นแนวคิดของยานยนต์ในยุคหน้าเข้ามาอีกนิด เมื่อค่ายรถอย่าง Diehard เอ๊ย! Daihatsu นำรถยนต์คอนเซปต์รุ่นใหม่มาโชว์เรียกเสียงครางที่งาน Tokyo Motor Show ดังชื่อสั้นๆ ให้คนเรียกขานมันว่า PICO
เหนือจินตนาการเกินจะคาดเดา
PICO กลายเป็นรถที่มีแนวคิดการประดิษฐ์เหนือจินตนาการ เมื่อใครได้เห็นรถคันนี้แทบจะนึกภาพมันเคลื่อนไหวอยู่บนท้องถนนได้โดยไม่ต้องคอยเพ้อฝันถึงอนาคตหลายสิบปีข้างหน้าอีกต่อไป
แปลกตาแต่เป็นมิตร
มันถูกออกแบบมาสำหรับผู้เดินทาง 2 ที่นั่ง เป็นรถ EV (Electric Vehicle) ที่ปราศจากมลพิษทำร้ายโลกและมนุษย์ล้านเปอร์เซ็นต์ ทั้งภายนอกและภายใน ถูกตกแต่งด้วยสีที่อ่อนโยนและดูเป็นมิตร แต่ที่แน่ๆ รูปแบบการดีไซน์ค่อนแปลกตา ลักษณะของโครงสร้างมันอยู่ตรงกลางระหว่างรถยนต์ขนาดเล็กและรถจักรยานยนต์ จนบางครั้่งเราอาจได้ยินเสียงติฉินนินทาในความน่ารักปนตลกในรูปทรงของมันจากใครแถวๆ นี้ก็เป็นได้
ไฟฟ้าล้วนๆ
พลังงานของมันถูกส่งมาจากแบตเตอรี่ที่ถูกติดตั้งอยู่ด้านล่างสู่มอเตอร์ไฟฟ้าอันเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อน ซึ่งใช้เวลาชาร์จเพียง 2 ชม.เท่านั้น ต่อการวิ่งได้ระยะทาง 50 กม. ที่ความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม. มิติของตัวรถมีความยาว 2,400 มม. กว้าง 1,000 มม. และสูง 1,530 มม. ที่สำคัญน้ำหนักของมันอยู่ที่ 400 กก. เพียงเท่านั้น
บานประตูมีสไตล์
สำหรับการเข้า-ออก ภายในห้องโดยสารของผู้เดินทางทั้งสองคน ทำง่ายๆ ด้วยวิธีไม่คุ้นตา คือการเปิดประตูที่ไม่มีหน้าต่างและบานประตูขึ้นในสไตล์ของกรรไกรนั่นเอง ดูแล้วรู้สึกเหมือนมันได้แรงบรรดาลใจมาก้านกั้นของด่านบนทางด่วนยังไงก็ไม่รู้
นี่แหละครับ จุดเด่นของป๋ม
แต่...สิ่งที่น่าสนใจมันไม่ใช่รูปทรงที่ชวนให้ดึงดูด แต่เป็นแนวคิดของการที่เจ้า PICO คันน้อยนี้ มันสามารถสื่อสารกับสิ่งรอบๆ ตัวของมันได้ต่างหาก คุณสมบัตินี้โดดเด่นตั้งอยู่บนความสนใจของผู้คนจำนวนมากที่ผ่านมาพบเห็น ด้วยแถบของไฟ LED ที่ติดตั้งอยู่รอบคัน ทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านท้ายของตัวรถ
PICO ใช้สีของแสงจากแถบ LED เป็นสัญลักษณ์ของการสื่อสาร เพื่อเตือนไปยังผู้พบเห็นถึงสภาวะการวิ่ง ไม่ว่าจะบอกถึงความอันตรายในขณะที่รถมีความเร็วในระดับสูง หรือมีวัตถุเข้าใกล้ตัวรถมากจนเกินไป แถบ LED จะสว่างเป็นสีแดงขึ้นมาทันที แต่หากแถบปรากฏเป็นสีเขียว นั่นแสดงว่า รถวิ่งอยู่ในระดับความเร็วที่ปลอดภัย หรือวัตถุภายนอกอยู่ในระยะห่างที่เหมาะสม นอกจากนี้ ยังมีสีของแถบ LED ที่แสดงถึงอารมณ์ที่แตกต่างกันออกไปตามสถานะการณ์ที่เผชิญในขณะนั้น
ในขณะนี้ PICO ยังถูกแขวนป้ายสถานะเป็น Concept Car แค่นั้น หากมันถูกจับขึ้นสายพานการผลิตเมื่อใด มันแสนเหมาะเจาะอย่างยิ่งกับการขับขี่ในเมืองใหญ่ที่มีผู้เดินเท้าคับคั่งเต็มไปหมด มันจะทำให้พวกเขาได้รับการป้องกันด้วยการแจ้งเตือนเพื่อความปลอดภัยที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น แต่สำหรับ กทม.เมืองฟ้าอมรแล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้ผลมากน้อยสักแค่ไหน เพราะขนาดไฟแดงตามสี่แยก เรายังฝ่ากันเป็นว่าเล่นเลย...หรือไม่จริง!