ต้นมณีโคตร เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่กลางคอนพะเพ็ง
นำเข้าเมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2555 โดย มันย่อยสลายไปกับกาลเวลา...ลูกอีสาน
อ่าน [58565]  

ต้นมณีโคตร เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่กลางคอนพะเพ็ง.....

ต้นมณีโคตร เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่กลางคอนพะเพ็ง
       “น้ำตกคอนพะเพ็ง” เป็นน้ำตกเลื่องชื่อของแขวงจำปาสัก สปป.ลาว แม้จะเรียกว่าน้ำตก แต่จริงๆ แล้วคอนพะเพ็งเป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำโขง โดยคำว่า “คอน” ในภาษาลาว หมายถึง “แก่ง” นั่นเอง โดยคอนพะเพ็งถือเป็นคอนหรือแก่งขนาดใหญ่และสวยงามที่สุดในแม่น้ำโขง ส่วน “พะเพ็ง” นั้นหมายถึง “พระจันทร์วันเพ็ญ”
       
       แก่งบริเวณคอนพะเพ็งเป็นแก่งขนาดใหญ่ ความสูงของแก่งกว่า 10 เมตร ทำให้สายน้ำโขงที่ไหลบ่ามาในบริเวณนี้เชี่ยวกรากดุดัน ยิ่งเมื่อสายน้ำกระโจนลงสู่แก่งหินเบื้องล่างอย่างรุนแรงเกิดเป็นน้ำตกอันยิ่งใหญ่ตระการตา จนได้ชื่อว่าเป็น “ไนแองการ่าแห่งเอเชีย”

 
รูปถ่ายต้นมณีโคตรที่เด็กๆ นำมาขายเป็นของที่ระลึกที่น้ำตกคอนพะเพ็ง
       นอกจากความสวยงามอลังการแล้ว อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่อยู่คู่น้ำตกคอนพะเพ็ง คือ “ต้นมณีโคตร” หรือมะนีโคด ในภาษาลาว เป็นต้นไม้เก่าแก่สันนิษฐานว่ามีอายุหลายร้อยปีหรืออาจถึงพันปี ขึ้นอยู่บนแก่งหินกลางแม่น้ำโขง ชาวลาวนับถือว่าเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์และเชื่อว่ามีต้นเดียวในโลก ตามตำนานเรียกว่าเป็น “ต้นชี้ตายปลายชี้เป็น” โดยหากเอาด้านหัวของกิ่งชี้ไปที่ใครคนนั้นก็จะตาย แต่หากใช้ด้านปลายของกิ่งชี้คนตายก็กลับฟื้นขึ้นมาได้
       
       แกนของกิ่งต้นมณีโคตรหากตัดดูจะเห็นเป็น 3 สี คือสีนวลเหมือนไข่ไก่ สีม่วง และสีชมพู เป็นที่มาของชื่อมณีโคตร

 
รูปถ่ายอีกมุมหนึ่งของต้นมณีโคตร
       มณีโคตรต้นนี้ มองด้านหนึ่งคล้ายเขาควาย มี 3 กิ่งหลักๆ กิ่งหนึ่งหันไปฝั่งลาว ชาวลาวเชื่อว่าใครได้กินผล (หมาก) ที่เกิดจากกิ่งนี้จะแก่ชราขึ้น กิ่งหนึ่งหันไปทางเขมร เชื่อว่าใครกินผลของกิ่งนี้จะกลายเป็นลิง และอีกกิ่งหนึ่งหันไปทางฝั่งไทย เชื่อว่าใครที่ได้กินผลจากกิ่งนี้ จะหนุ่มขึ้น เยาว์วัยขึ้น บ้างก็ว่าไม่ว่ากินจากกิ่งไหนก็จะมีกำลังวังชาเหนือมนุษย์ และบ้างก็เชื่อว่าปลายกิ่งทั้งสามที่ชี้ไปทางกัมพูชา ไทยและลาว หมายถึงว่าทั้งสามประเทศจะเจริญเป็นมรกตแห่งอินโดจีน แต่ก็ยังไม่เคยมีใครได้กินผลจากกิ่งใดเลย เพราะสายน้ำเชี่ยวกรากทำให้ไม่เคยมีใครเข้าไปถึงต้นมณีโคตรต้นนี้ ยกเว้นนกกระยางขาวและอีกาที่มักจะบินไปเกาะอยู่เต็มต้นมณีโคตรทุกๆ วันพระ

 
ศาลที่สร้างขึ้นบนฝั่งใกล้น้ำตก
       นอกจากยังเชื่อกันว่า กิ่งของต้นมณีโคตรเมื่อนำไปฝนกับน้ำแล้วดื่มก็จะรักษาได้สารพัดโรค ทั้งอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคตับ โรคเบาหวาน โรคที่หมอรักษาไม่ไหวแล้ว พอได้กิ่งมาฝนน้ำดื่มไปสักอาทิตย์หนึ่งก็หายจากโรค แม้แต่ฝรั่งเศสในสมัยที่ยังปกครองลาวเคยพยายามส่ง ฮ.(เฮลิคอปเตอร์) เข้าไปบินใกล้ๆ เพราะดูถูกในความเชื่อของคนลาว แต่ ฮ. ก็ต้องตกลงอย่างไม่รู้สาเหตุ ด้วยความเชื่อว่าเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ จึงมีการสร้างศาลไว้ให้คนบูชาไว้ที่ฝั่งบริเวณใกล้ๆ กับน้ำตก
       
       น่าเสียดายที่ว่า เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2555 ต้นมณีโคตรได้โค่นล้มลงแล้ว สาเหตุที่ต้นไม้ล้มเชื่อว่าเนื่องมาจากต้นไม้อายุมากแล้ว และก่อนหน้านั้นก็มีพายุลมแรงและฝนตกติดต่อกัน 3 วัน ทำให้ต้นไม้ทานกระแสลมและกระแสน้ำไม่ไหว

 
คอนพะเพ็งวันนี้ที่ไม่มีต้นมณีโคตร
       แต่มีบางกระแสข่าวเล่าว่า เหตุที่ต้นมณีโคตรโค่นล้มเนื่องมาจากการบวงสรวงที่ต้องกระทำทุกปีนั้น ในปีนี้ได้กระทำผิดวิธี ทำให้ต้นไม้โค่นลง โดยหลังจากเริ่มทำพิธีเมื่อเวลา 1 ทุ่ม จากนั้นตอน 4 ทุ่มต้นไม้ก็ล้มลง เป็นที่ฮือฮาน่าตกใจสำหรับชาวลาวเป็นอย่างยิ่ง
       
       ในขณะนี้ต้นมณีโคตรที่โค่นล้มยังคงถูกมัดไว้กับแก่งหินในบริเวณคอนพะเพ็ง โดยใช้วิธีหย่อนคนลงมาจาก ฮ. เพื่อนำเชือกมามัดต้นไม้ไว้กับแก่งหินไม่ให้ลอยหายไป แต่ยังไม่สามารถนำต้นขึ้นมาบนฝั่งได้เนื่องจากต้นไม้มีขนาดใหญ่มากและกระแสน้ำเชี่ยวมากเช่นกัน โดยหากเมื่อนำขึ้นมาแล้วจะนำไปไว้ที่พิพิธภัณฑ์ต่อไป
       
       ส่วนกิ่งน้อยใหญ่ที่หลุดลอยไปกับสายน้ำนั้นคนที่เก็บได้ก็นำไปบูชา บ้างก็นำไปขาย กิ่งขนาดเท่าแขนขายได้ราว 40,000 บาท กิ่งใหญ่ๆ ที่ลอยไปทางฝั่งเขมรว่ากันว่ามีคนประมูลไปในราคา 20,000 เหรียญ นอกจากนี้ยังมีแก็งค์มิจฉาชีพนำกิ่งไม้ชนิดอื่นมาหลอกขายว่าเป็นกิ่งมณีโคตร ถูกตำรวจจับไปก็มี
       
       น่าเสียดายยิ่งนักที่ต่อจากนี้ไป ต้นไม้มณีโคตรแห่งน้ำตกคอนพะเพ็ง คงเหลือเพียงชื่อและตำนานให้เล่าขานกันเท่านั้น

 

 
กำลังแสดงหน้าที่ 1 จากทั้งหมด 0 หน้า [หน้าถัดไปคือหน้าที่ 2] 1
 

 
เงื่อนไขแสดงความคิดเห็น
1. ทุกท่านมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระเสรี โดยไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ไม่กล่าวพาดพิง และไม่สร้างความแตกแยก
2. ผู้ดูแลระบบขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใด ๆ ต่อเจ้าของความคิดเห็นนั้น
3. ความคิดเห็นเหล่านี้ ไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมาย และไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้นกับคณะผู้จัดทำเว็บไซต์

ชื่อ :

อีเมล์ :

ความคิดเห็นของคุณ :
                                  

              * ใส่รหัสจากภาพที่เห็นลงในช่องด้านล่าง และใส่คำตอบจากคำถาม เพื่อยืนยันการส่งความเห็น
  และสำลีสีอะไร
    

          ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการแสดงความคิดเห็นโดยสาธารณชน ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าชื่อผู้เขียนที่้เห็นคือชื่อจริง และข้อความที่เห็นเป็นความจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ boyoty999@google.com  เพื่อให้ผู้ดูแลระบบทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้