"ล้างพิษตับ”แห่งสันติอโศก หลักสูตรสำหรับคนหมดกรรม
นำเข้าเมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2555 โดย ไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ
อ่าน [59191]  

"ล้างพิษตับ”แห่งสันติอโศก หลักสูตรสำหรับคนหมดกรรม .....

"ล้างพิษตับ”แห่งสันติอโศก หลักสูตรสำหรับคนหมดกรรม
ณ บ้านพระอาทิตย์
       โดย : ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
       
       การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ก่อตัวขึ้นมาตั้งแต่ปี 2549 นั้น ได้ทำให้ประชาชนและชนชั้นกลางได้มีโอกาสสัมผัสและรู้จักชาวสันติอโศกมากขึ้น และตลอดการชุมนุม 33 วัน ในปี 2549 การชุมนุม 193 วันในปี 2551 และการชุมนุม 158 วันในปี 2554 ก็ได้ทำให้หลายคนที่ได้มีโอกาสรู้จักชาวอโศกมากขึ้น ก็ยิ่งได้เห็นภูมิปัญญาแห่งการพึ่งพาตัวเองได้อย่างน่าทึ่งที่สุด
       
        ชุมชนอโศกนอกจากจะเป็นชุมชนที่ถือศีลและปฏิบัติธรรมแล้ว ยังเสียสละช่วยเหลือไม่เพียงประเทศชาติอีกด้วย นอกจากนี้ยังเป็นที่พึ่งพาของชุมชนใกล้เคียงในทุกพื้นที่ซึ่งชาวสันติอโศกไปอาศัยอยู่ โดยเฉพาะการรักษาพยาบาลผู้ที่เจ็บไข้ได้ป่วยได้ด้วย
       
        ชาวสันติอโศกทานอาหารมังสวิรัติ ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่คิดค้นเอง ปลูกพืชผักไร้สารพิษด้วยตนเอง อีกทั้งยังมีบุคลากรที่มีการศึกษาทางด้านแพทย์ทางเลือกหลายสาขาที่เน้นการพึ่งพาตนเองไม่ยอมตกเป็นทาสเคมีของทุนยาข้ามชาติ อีกทั้งชาวสันติอโศกยังมี “ตลาดปัญญา” ที่จะเป็นเวทีเปิดกว้างให้นักธรรมชาติบำบัดได้มีแลกเปลี่ยนข้อมูลเพิ่มพูนปัญญาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ชาวสันติอโศกเป็นชุมชนอีกแห่งหนึ่งที่กลายเป็นศูนย์กลางความก้าวหน้าในด้านแพทย์ทางเลือกมากที่สุดของประเทศไทยและของโลกไปแล้ว
       
        ผมเป็นคนหนึ่งที่พึ่งพายาเคมีมาตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะโรคหวัด โรคภูมิแพ้ ที่มักจะต้องทานยาแก้ไข ยาลดน้ำมูก ยากแก้อักเสบเจ็บคอ ยาแก้แพ้ ยาแก้หอบหืด ฯลฯ พออายุมากขึ้นก็จะมีโรคปวดหัวไมเกรน พอเวลาผ่านไปหลายปีสุขภาพก็จะเริ่มมีปัญหาทั้งน้ำตาลในเลือดสูง คลอเรสเตอรอลสูง ไตรกลีเซอไรด์สูง ฯลฯ
       
        อาจเป็นเพราะบุญกุศลในการออกมาต่อสู้เพื่อแผ่นดินรักษาชาติก็ไม่ทราบได้ เพราะการได้รู้จักชาวสันติอโศก ทำให้ผมได้ความรู้ใหม่ว่าเราอาจเดินผิดทางในแนวทางการักษาโรคมาตั้งแต่เด็ก เพราะยาเคมีตัวหนึ่งจะก่อให้เกิดผลข้างเคียงเป็นโรคใหม่ทำให้เราต้องกินยาอีกตัวหนึ่งไปเรื่อยๆจนยิ่งอายุมากขึ้น ยิ่งกินยาเคมีมากขึ้นจนเต็มกำมือที่ผมเรียกขนานนามว่าเป็นกลุ่ม “ยาลูกโซ่” ที่สร้างความร่ำรวยให้กับบริษัทยาข้ามชาติอย่างมหาศาล
       
        ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันผมเริ่มเข้าสู่แนวทางธรรมชาติบำบัดและค้นพบว่า โรคหวัดและยาแก้แพ้ที่เคยต้องกินยาในกลุ่มยาแก้หวัดยาแก้อักเสบเป็นอาทิตย์ก็สามารถทำให้หายได้ภายใน 1 วันครึ่งทุกครั้งหลังใช้แนวทางธรรมชาติบำบัดโดยไม่ต้องใช้ยาเคมีเลย อีกทั้งยังส่งผลทำให้โรคหอบหืดหายไปด้วย และเมื่อลดยาเคมีลงและควบคุมอาหารใหม่จึงทำให้โรคไมเกรนหายไป และเมื่อถึงขั้นไม่ต้องใช้ยาเคมีหรือยาสมุนไพรเลย จึงส่งผลทำให้ผลเลือดเปลี่ยนใหม่กลับมาเป็นปกติทั้งหมด ทำให้ผมได้คิดว่าคนทั้งโลกอาจถูกหลอกให้กลายเป็นทาสทุนบรรษัทยาจำนวนมากเพราะ “ความไม่รู้”
       
        นอกจาก “หมอเขียว” หรือ นายใจเพชร กล้าจน ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันพอสมควรในการใช้ธรรมชาติบำบัดตามแพทย์วิถีพุทธแล้ว ยังมีครูภูมิปัญญาไทยที่เก่งระดับปรมาจารย์อีกหลายคนในสันติอโศก เช่น นายแก่นฟ้า แสนเมือง, นางขวัญดิน สิงห์คำ, หมอปาน, หมอณา ฯลฯ
       
       แต่ชั่วโมงนี้ “หลักสูตร ล้างพิษตับ” กำลังเป็นภารกิจอันหนักอึ้งของชาวสันติอโศก ที่ในทุกๆเดือนจะมีคนเข้ามาล้างพิษตับเป็นจำนวนมาก ทั้งในโรงเรียนผู้นำและสถานปฏิบัติธรรมของชาวสันติอโศก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
       
       แต่ในช่วงหลังๆหลักสูตรนี้ได้ขยายไปไกลมากขึ้นจนประชาชนทั่วไป โรงพยาบาลบางแห่ง และรวมถึงชาวต่างชาติที่ต่างเข้ามาล้างพิษตับจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทำให้ได้รู้ว่า “หลักสูตร ล้างพิษตับ” ของชาวสันติอโศกกำลังสร้างชื่อให้กับประเทศไทยไปในระดับโลกแล้ว
       
       หลักสูตรนี้เกิดขึ้นมาจาก นายแก่นฟ้า แสนเมือง ชาวสันติอโศกที่เป็นโรคไวรัสตับบี ซึ่งแพทย์แผนปัจจุบันบอกนายแก่นฟ้าว่าไม่สามารถจะรักษาหายได้ตลอดชีวิต และคาดว่าจะทรุดตัวลงและเสียชีวิตในที่สุด เพื่อให้ตัวเองสามารถเอาชีวิตรอดได้ นายแก่นฟ้า จึงได้ค้นคว้าและใช้ตัวเองทดลองหลายอย่าง จนในที่สุดก็ได้คิดค้นสูตรการล้างพิษลำไส้ได้ก่อน แล้วจึงนำมาสู่การล้างพิษออกมาจากตับ ผลปรากฏว่านายแก่นฟ้าสามารถหายป่วยจากโรคไวรัสตับบีได้ และยังได้ปรับหลักสูตรกับครูภูมิปัญญาไทยอีกหลายคนจนกระทั่งกลายเป็นหลักสูตรที่มีประสิทธิภาพสูงจนถึงทุกวันนี้
       
       การที่ตับฟื้นตัวนี้เอง ทำให้นายแก่นฟ้า แสนเมือง นอกจากจะหลายจากโรคไวรัสตับบีแล้ว ยังทำให้นายแก่นฟ้าดูหนุ่มขึ้นไปจากช่วงเวลาที่ป่วยอย่างมาก
       
       ตับ ตั้งอยู่ช่องท้องใต้ชายโครงขวา หนัก 1.3-3 กิโลกรัม ทำหน้าที่ในร่างกาย 40 อย่าง และมีหน้าที่ย่อย 500 อย่าง และแน่นอนว่าสารพิษ อาหารที่เป็นพิษ ไขมัน ก็สะสมอยู่ในตับจำนวนมาก ดังนั้นหากสามารถล้างพิษออกมาจากตับได้ ตับก็จะมีหน้าที่ในการดูแลหรือสะสมพิษที่ยังคงค้างในร่างกายส่วนอื่นๆของเราได้มากขึ้นอีก
       
       ด้วยเหตุผลนี้ “คุณกอบ” พันธมิตรฯคนหนึ่งที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี จึงเดิมป่วยจากโรคที่ทุกข์ทรมานมาหลายปี เดิมมีซีดในมดลูกหลายจุด, มีก้อนเนื้องอกขนาด 5 เซนติเมตรในมดลูก ก้อนเนื้อเหล่านี้ได้หายไปด้วยวิธีการล้างพิษตับของชาวสันติอโศกสักระยะหนึ่ง จนเกิดศรัทธาทำให้คุณกอบไปสร้างเป็นศูนย์ล้างพิษตับอยู่ที่เกาะสมุยช่วยเหลือคนอื่นต่อๆไปได้อีกในวันนี้
       
       บางคนมีกำหนดการที่ต้องไปผ่าตัดกับแพทย์แผนปัจจุบันเพื่อเอานิ่วออกจากถุงน้ำดี แต่เมื่อเข้าหลักสูตรล้างพิษตับที่เกาะสมุยแล้ว นิ่วก็ออกมาระหว่างการล้างพิษตับได้ และเมื่อกลับไปตรวจกับแพทย์แผนปัจจุบันก็พบว่าไม่พบนิ่วในถุงน้ำดีเหล่านั้นอีก
       
       อันที่จริงการล้างพิษตับสามารถทำเองที่บ้านได้ แต่ก็ไม่แนะนำสำหรับคนที่ไม่เคยเข้าหลักสูตรมาก่อน เพราะบางคนที่มีอาการป่วยอยู่แล้วอาจจะต้องการคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ เพราะอาจมีอาการข้างเคียงที่ต้องการการช่วยเหลือในระหว่างการล้างพิษตับ เช่นการกดจุดคลายเส้นในระหว่างการล้างพิษตับ
       
       หลักคิดของการล้างพิษตับคือ
       1.หยุดการย่อยอาหารเพื่อให้กลไกในร่างกายพักจากการใช้พลังงานเพื่อการย่อยเพื่อใช้พลังงานมาขับพิษออกจากร่างกายอย่างเดียว
       2.ล้างพิษดีท็อกซ์ออกจากลำไส้ให้สะอาดก่อน จนไม่มีอะไรออกมาแล้ว
       3.หลังจากนั้นดื่มน้ำมะกอกและน้ำมะนาวคืนสุดท้ายแล้วดึงพิษในตับและถุงน้ำดีออกผ่านการดีท็อกซ์เช่นกัน
       
       สำหรับคนที่สนใจว่าล้างพิษตับเขาทำกันอย่างไร จึงขอเผยแพร่หลักสูตรการล้างพิษตับ สูตรสั้น ของ อ.ขวัญดิน สิงห์คำ ซึ่งเป็นอีกคนหนึ่งที่บุกเบิกหลักสูตรนี้มาคู่กับ นายแก่นฟ้า แสนเมือง ดังนี้
       
       การเตรียมตัว ก่อนล้างพิษตับต้องทำร่างกายให้แข็งแรง จิตใจต้องพร้อมเต็มที่
       
       วันที่ 1
       15.00 น. งดอาหารทุกชนิด
       
       20.00 น. ทานยาถ่าย หรือน้ำมะขาม
       
       วันที่ 2
       05.00 น. ตื่นนอน ทำธุระส่วนตัว และทำดีท็อกซ์
       
       05.30 น. ออกกำลังกายตามที่ชอบหรือถนัด
       
       06.00 น. ดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำสมุนไพร
       
       07.00 น. เวลาหิวให้ดื่มน้ำต่อไปนี้ (เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งหมดก็ได้)
       1. น้ำแอปเปิ้ล 100% หรือน้ำปั่นแยกน้ำกาก หรือ
       2. น้ำสัปประรด ปั่นน้ำแยกกาก หรือ
       3. น้ำมะละกอดิบ+ห่าม หรือปั่นแยกน้ำแยกกากหรือ
       4. น้ำมะขาม+ น้ำผึ้ง+น้ำหมักผลไม้ หรือ
       5. น้ำอ้อยสด + มะนาว
       
       15.00 น. หยุดน้ำผลไม้ทุกชนิด ยกเว้นน้ำเปล่า
       
       17.00 น. ดีท็อกซ์
       
       18.00 น. ดื่มดีเกลือ 1 ช้อนชา ต่อน้ำ ครึ่งแก้ว
       
       20.00 น. ดื่มดีเกลือ 1 ช้อนชา ต่อน้ำ ครึ่งแก้ว
       
       22.00 น. ดื่มน้ำมะนาวและน้ำมันมะกอกบีบเย็น (Extra Virgin)ในอัตราส่วนดังนี้
        1. น้ำมะนาว 150 ซีซี
        2. น้ำมันมะกอก 150 ซีซี
       
        บรรจุข้อ 1+2 ในขวดแก้ว เขย่าให้เข้ากัน ดื่มทันที ไม่ให้เกิดเวลา 22.15 น.
       
       หลังดื่มน้ำมันมะกอกและน้ำมะนาว ให้ปฏิบัติดังนี้
       
       1. นอนตะแคงขวา หรือนอนหงาย (หัวสูง)
       
       2. ถ้ากลัวอาเจียนให้ประคับประคองให้ผ่านเลย 02.00 น. หรืออาจใช้ถุงน้ำร้อนประคบที่ท้องช่วย(เพราะถ้าผ่านไปแล้วน้ำมันมะกอกและน้ำมะนาวจะลงถึงตับแล้วแต่ถ้าอาเจียนก่อนอาจต้องเริ่มต้นใหม่หมด)

       
       วันที่ 3
       06.00 น. ตื่นนอนและทำธุระส่วนตัว
       
       07.00 น. ทำงานปกติ
       
       10.30 น. ทำดีท็อกซ์ เก็บพิษทั้งหมดไว้ ตั้งแต่ 02.00 น.หรือถ่ายเองและรวมกับดีท็อกซ์
       
       พิษที่ออกจากตับ ตับอ่อน และถุงน้ำดีมีลักษณะดังนี้
       
       1. สิ่งที่ลอยอยู่ข้างบนคือ ไขมันจากตับและนิ่วจากถุงน้ำดี
ไขมันจากตับจะมีสีเหลือง สีเขียว สีดำ ก้อนขุรขระ หรือเป็นน้ำสีดำ สีเหลือง สีเทา มันติดมือล้างไม่ออก ต้องใช้น้ำยาล้างจาน หรือสบู่หลายครั้ง โดยลักษณะนิ่วจากถุงน้ำดีจะมีสีเขียว เหลือง ดำ ก้อนค่อนข้างกลม
       
       2. ลอยอยู่ตรงกลาง จะเป็นเซลล์มะเร็งมีลักษณะเหมือนเห็ดหูหนูขาว
       
       3. อยู่ล่างสุดคือเม็ดเลือดแดงที่หมดอายุ
       
       อาการหลังล้างพิษ จะรู้สึกอ่อนเพลีย อย่าตกใจเป็นอาการปกติ ให้รับประทานอาหารอ่อนๆ 3 วัน หลังจากนั้นค่อยรับประทานอาหารตามปกติ และทำดีท็อกซ์ เช้า-เย็น อีก 7 วัน ต่อเนื่อง

       
       โดยสูตรนั้นนี้สามารถทำได้ 1 ครั้งต่อ 2 สัปดาห์ ไม่ควรเกินนี้ และควรเลือกทำการอดล้างพิษใน 2 ช่วง คือ วันที่มีข้างขึ้น 11-15 ค่ำ วันที่มีข้างแรม 11-15 ค่ำ
       
        หากท่านใดเห็นว่าหลักสูตรนี้เป็นประโยชน์ก็ช่วยกันเผยแพร่ต่อๆไปให้กว้างขวางมากขึ้น ถึงเป็นการทำบุญช่วยรักษาชีวิตและสุขภาพของคนไทย ให้รอดพ้นจากความจน 2 ประการคือ “จนเงิน” เพราะหมดเงินหมดตัวกับค่ารักษาพยาบาล หรือ “จนมุม” เพราะไม่รู้ว่าจะรักษาอย่างไรให้หายจากความเจ็บป่วยนั้นได้แล้ว
       
        “อโรคยา ปรมาลาภา” ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐโดยแท้ !!!
 

 

 
กำลังแสดงหน้าที่ 1 จากทั้งหมด 0 หน้า [หน้าถัดไปคือหน้าที่ 2] 1
 

 
เงื่อนไขแสดงความคิดเห็น
1. ทุกท่านมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระเสรี โดยไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ไม่กล่าวพาดพิง และไม่สร้างความแตกแยก
2. ผู้ดูแลระบบขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใด ๆ ต่อเจ้าของความคิดเห็นนั้น
3. ความคิดเห็นเหล่านี้ ไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมาย และไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้นกับคณะผู้จัดทำเว็บไซต์

ชื่อ :

อีเมล์ :

ความคิดเห็นของคุณ :
                                  

              * ใส่รหัสจากภาพที่เห็นลงในช่องด้านล่าง และใส่คำตอบจากคำถาม เพื่อยืนยันการส่งความเห็น
  และสำลีสีอะไร
    

          ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการแสดงความคิดเห็นโดยสาธารณชน ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าชื่อผู้เขียนที่้เห็นคือชื่อจริง และข้อความที่เห็นเป็นความจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ boyoty999@google.com  เพื่อให้ผู้ดูแลระบบทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้