การออกแบบ New Ford Focus ตามหลักอากาศพลศาสตร์ช่วยลดแรงเสียดทาน ประหยัดน้ำมัน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์รูปทรงใหม่ของ Ford Focus ที่เพรียวลมยิ่งขึ้น ช่วยลดค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานลงได้มากที่สุดถึง 7.8 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับ Focus รุ่นปัจจุบัน รายละเอียดทุกส่วนของรถมีส่วนช่วยเพิ่มความเพรียวลมและมอบเสถียรภาพในการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น...
โคโลญจน์ เยอรมนี Ford Focus ใหม่ ประสบความสำเร็จอย่างมากในการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์และลดค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานจากการขับขี่ลงได้สูงสุดถึง 7.8 เปอร์เซ็นต์ช่วยเพิ่มความสามารถในการประหยัดน้ำมัน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หลังจากใช้เวลาเกือบ 1,000 ชั่วโมงภายในอุโมงค์ลมเพื่อทดสอบการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ (แอโรไดนามิกส์) ณ ศูนย์วิจัยของ Ford ในเมืองเมอร์เคนิค ประเทศเยอรมนี Ford Focus ใหม่ ได้รับการออกแบบให้มีรูปทรงที่เพรียวลมได้อย่างน่าทึ่งและถือเป็นหนึ่งในรถที่มีแอโรไดนามิกส์ดีที่สุดเท่าที่ Ford เคยผลิตมา การลดค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานของ New Focus ไม่ได้เกิดจากการออกแบบรายละเอียดต่างๆ อย่างดีเยี่ยมเท่านั้นแต่ยังเป็นผลมาจากการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีอันทันสมัยมาใช้อีกด้วย
รูปทรงเพรียวลมช่วยลดแรงเสียดทาน
การลดแนวหลังคาให้ต่ำลง ประกอบกับรูปทรงด้านข้างที่โฉบเฉี่ยวและโดดเด่นยิ่งขึ้น Nerw Ford Focus จึงมีรูปทรงเพรียวลมและดูทันสมัย เมื่อเทียบกับ Focus รุ่นก่อนหน้ากระจกบังลมหน้าของ New Focus ทำมุมที่ให้ความรู้สึกว่าเป็นรถที่ “เร็วกว่า” จึงช่วยเพิ่มคุณสมบัติด้านอากาศพลศาสตร์ให้แก่ตัวรถจากการออกแบบรายละเอียดต่างๆ โดยคำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์เป็นสำคัญ Ford Focus ใหม่จึงลดค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานลงได้สูงสุดถึง 7.8 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า New Focus รุ่นแฮทช์แบค 5 ประตูมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน 0.295 เทียบกับรุ่นปัจจุบันที่ 0.318 ส่วน New Focus รุ่นซีดาน 4 ประตูมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่ 0.274 เทียบกับรุ่นปัจจุบันที่ 0.304
ทั้งนี้ การออกแบบรถให้เป็นไปตามหลักอากาศพลศาสตร์เกิดจากการทดสอบรถในอุโมงค์ลมควบคู่กับการจำลองการไหลเวียนของของเหลวโดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง ระหว่างการทดสอบในอุโมงค์ลม รถจะจอดไว้ตรงกลางอุโมงค์โดยหันหน้าเข้าหาพัดลมล้อรถวางอยู่บนแผ่นเครื่องมือเพื่อวัดค่าแรงที่ต้องใช้ในการต้านลม นอกจากนี้ขณะทดสอบยังอาจมีการหมุนรถไปในมุมต่างๆ เพื่อวัดค่าแรงเสียดทานขณะที่เคลื่อนที่บนแกนทดสอบด้วยนอกจากนี้ทุกส่วนของห้องทดลองยังสร้างขึ้นจากวัสดุเก็บเสียง เมื่อปิดพัดลมตัวยักษ์ ห้องดังกล่าวจึงเงียบสนิทได้อย่างน่าทึ่งคุณสมบัตินี้นับว่ามีประโยชน์มากสำหรับการวัดเสียงรบกวนจากลมภายในห้องโดยสาร โดยตั้งแต่ทีมนักออกแบบขึ้นรูปรถด้วยดินเหนียวกระจกบันทึกเสียงขนาดยักษ์ที่มีรูปร่างเหมือนจานดาวเทียมจะถูกนำมาใช้เพื่อสแกนรอบๆ พื้นผิวรถเพื่อวัดค่าเสียงที่ดังออกมาขณะลมเคลื่อนผ่านด้านบนและรอบๆ ตัวถัง
ทุกรายละเอียดช่วยเพิ่มความเพรียวลมและเสถียรภาพในการขับขี่
การพัฒนาทุกชิ้นส่วนของรถด้วยความใส่ใจในรายละเอียดทำให้ New Ford Focus มีประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์เพิ่มขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นการลดแรงเสียดทานที่ไม่ต้องการโดยใช้ยางรองฝากระโปรงหน้าซีลรอยต่อด้านหน้าทั้งหมดและการติดตั้งแผ่นกันลมใต้เครื่องยนต์เพื่อให้กระจังหน้ารถดักลมและส่งต่อไปยังชุดทำความเย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพการไหลเวียนของอากาศบริเวณใต้ท้องรถได้รับการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน ด้วยการออกแบบโครงสร้างบริเวณใต้ตัวถังอย่างเหมาะสมรวมทั้งการติดแผ่นบังลมและลิ้นหน้า แผงปิดใต้เครื่องยนต์ และแผ่นกันลมใต้บริเวณยางล้อหน้าสำหรับด้านข้างของรถส่วนที่เป็นกระจกได้รับการออกแบบให้ช่วยลดแรงเสียดทานและลดเสียงรบกวนจากลมได้ดีทั้งยังจัดการกับทิศทางการไหลของน้ำฝนไปยังด้านข้างรถได้อย่างเหมาะสม
เสาหน้า (A-pillar) ได้รับการออกแบบและขึ้นรูปด้วยเทคนิคพิเศษเพื่อช่วยลดแรงเสียดทานและเสียงรบกวนจากลมเช่นกันส่วนของท้ายรถ อากาศที่ไหลผ่านใต้ท้องรถออกมาจะไหลผ่านแผ่นรีดลมที่ได้รับการออกแบบให้เป็นส่วนหนึ่งของกันชนท้ายขณะที่แผ่นรองอีกชั้นหนึ่งข้างล่างช่วยลดแรงเสียดทานเช่นกัน นอกจากนี้สปอยเลอร์ด้านหลัง ยังมีส่วนช่วยลดแรงเสียดทานและเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ขณะที่ด้านข้างของไฟท้ายได้รับการออกแบบให้มีขอบที่คมขึ้น ช่วยกำหนดทิศทางการไหลของอากาศออกจากตัวถังรถในจังหวะที่ลงตัว “มีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในลักษณะเดียวกันนี้ปรากฏให้เห็นอยู่ทั่วทั้งคันรถและทุกส่วนล้วนมีการทำงานที่สอดคล้องกันเพื่อทำให้รถมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำลง” มร.แมนเฟรดเลนท์เซ่น ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาทางอากาศพลศาสตร์ กล่าว “ผลงานของเรานับว่ามีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับรถรุ่นปัจจุบันและเมื่อเทียบกับคู่แข่งอื่นๆ”
ข้อมูลเกี่ยวกับ Ford Motor Company (ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี) เป็นบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลก ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ที่เมืองเดียร์บอร์น มลรัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยผลิตและจำหน่ายรถยนต์ใน 6 ทวีปทั่วโลก มีพนักงานประมาณ 164,000 คน และมีโรงงานประมาณ 70 แห่งทั่วโลก บริษัทฯ มีรถยนต์แบรนด์ชั้นนำอันได้แก่ Ford และ Lincoln นอกจากนี้ ยังให้บริการด้านสินเชื่อรถยนต์ผ่านบริษัท Ford Motor Caldit (ฟอร์ด มอเตอร์ เครดิต) สามารถเรียกดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์