ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่มาจากการโกง
ข่าวการทุจริตการสอบเพื่อรับบุคคลเข้าเป็นข้าราชการตำรวจชั้นประทวนที่กำลังกลายเป็นข่าวครึกโครมในขณะนี้มิใช่เรื่องใหม่ และมิใช่เรื่องที่สังคมไทยไม่เคยรับรู้มาก่อน เพราะในความเป็นจริงเรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว นานเสียจนเกือบจะพูดได้ว่ากลายเป็นความผิดปกติที่กลายเป็นเรื่องปกติของสังคมไทยไปแล้ว นานเสียจนตำรวจชั้นผู้ใหญ่ของสังคมไทยต้องขึ้นป้ายขนาดใหญ่ไว้ตามหน้าหน่วยราชการของตำรวจเพื่อประจานความล้มเหลวเรื่องนี้ต่อสังคมไทย ทำนองว่า โปรดอย่าหลงเชื่อว่าจะมีผู้วิ่งเต้นให้ลูกหลานของท่านเข้าเป็นตำรวจได้โดยการจ่ายเงิน
หากจะถามว่าผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการตำรวจไทยไม่เคยรู้ระแคะระคายเรื่องการทุจริตพรรค์นี้มาก่อนกระนั้นหรือ คำตอบก็น่าจะรู้ๆ กันอยู่แก่ใจเป็นอย่างดีอยู่แล้ว หรือหากจะถามให้ลึกไปกว่านั้นว่า ใครคือตัวการการทุจริตในเรื่องนี้ คำตอบก็น่าจะหนีไม่พ้นบุคคลที่มีส่วนพัวพันกับแวดวงตำรวจอีกนั่นแหละ และก็ต้องยอมรับด้วยว่าคนที่จะมีอำนาจรับบุคคลเข้าเป็นตำรวจได้ต้องมิใช่ตำรวจระดับปลายแถวด้วย ส่วนจะเป็นตำรวจยศบิ๊กเบ้งขนาดไหนนั้น ไม่มีใครรู้ดีเกินกว่าตำรวจ
ช่างเป็นเรื่องน่าสังเวชเสียจริงๆ ที่คนคนหนึ่งอยากจะทำอาชีพผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แต่ทว่ากลับใช้กรรมวิธีที่จะเข้าสู่อาชีพนี้ด้วยหนทางทุจริต หากเป็นเช่นนี้แล้วผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ของไทย จะผิดแผกแตกต่างไปจากบรรดาโจรห้าร้อยอย่างไรกัน จริงอยู่ที่ผู้สมัครสอบตำรวจชั้นประทวนในครั้งนี้มิได้ทุจริตเสียทั้งหมด แต่ทว่าการจับทุจริตได้อีกครั้งในหนนี้ก็ย่อมแสดงให้เห็นว่ามีความไม่ขาวสะอาดในการสอบคัดเลือกผู้จะประกอบอาชีพตำรวจโดยปริยาย
ถามว่าทำไมจึงมีคนจำนวนหนึ่งยอมจ่ายเงินหลายแสนบาท เพื่อให้ลูกหลานของตนเองเข้าไปเป็นตำรวจชั้นประทวนที่กินเงินเดือนเพียงเดือนละไม่กี่พันบาท คำตอบนี้ก็คงไม่แตกต่างไปจากการที่นักการเมืองไทยจำนวนไม่น้อยยอมทุ่มเงินหลายร้อยล้านบาท เพื่อให้ได้ตำแหน่งสส. ทั้งๆ ที่สส.มีเงินตอบแทนเดือนละแค่เพียงหลักแสนเท่านั้น นั่นก็หมายความว่ามันต้องมีผลประโยชน์อันมิชอบจำนวนมหาศาลที่รอคอยอยู่ในเบื้องหน้าอย่างแน่นอน และก็ย่อมหมายความรวมไปถึงการสอบเข้ารับราชการในหน่วยงานอื่นๆ ด้วยที่ก็ไม่น่าจะสุจริตโปร่งใสและบริสุทธิ์ผุดผ่อง 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม
เหตุทุจริตครั้งนี้ ทำให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ทำขึงขังประกาศว่า “ครั้งนี้สืบสวนสอบสวนโยงถึงใคร ดำเนินคดีหมด.... คนพวกนี้ทำไปทุกวงการ สร้างความเสียหาย ทำให้ได้คนที่ไม่ดีมาทำงาน...” กรณีทุจริตครั้งนี้คงสะท้อนให้สังคมไทยตระหนักเป็นอย่างดีอีกครั้งหนึ่งว่า แม้กระทั่งจะเสนอตัวเข้าไปเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์แต่ยังอุตส่าห์ทุจริตเข้าไป แล้วอย่างนี้จะมีตำรวจน้ำดีได้อย่างไร ในเมื่อจุดตั้งต้นของการเข้าเป็นตำรวจมันเลวเสียแล้ว เรื่องพรรค์นี้สามารถสะท้อนไกลไปถึงการเข้าสู่หนทางแห่งอำนาจของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ใน สตช.ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากหัวกับหางย่อมส่ายไปในทิศทางเดียวกันเสมอ