บ่าวที่ดี นายที่เลว
นำเข้าเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2555 โดย julaju
อ่าน [58531]  

บ่าวที่ดี นายที่เลว.....

บ่าวที่ดี นายที่เลว

 

หมวยชวนเพื่อนไปซื้อน้ำเต้าหู้ฝั่งตรงข้าม ขณะที่กำลังเดินข้ามสะพานลอย ก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างตกอยู่บนพื้นไม่กี่เมตรข้างหน้า เธอจึงชี้ให้เพื่อนดู เพื่อนเห็นก็อุทานว่า “เป็นแบ๊งค์พัน ๓ ใบเชียวนะ แก” แต่หมวยแย้งว่า “ นั่นมันแบ๊งค์ปลอม ถ้าเป็นแบ๊งค์พันจริง ๆ ก็ต้องมีคนเก็บไปแล้ว ไม่มาอยู่บนสะพานลอยอย่างนี้หรอก”

แต่เพื่อนไม่เชื่อ จึงเดินไปเก็บ ปรากฏว่าเป็นธนบัตรใบละพันจริง ๆ เพื่อนจึงแบ่งให้
หมวย ๑,๐๐๐ บาท ที่เหลือเขาเก็บไว้เอง

หมวยเห็นเงิน ๓,๐๐๐ บาทอยู่ข้างหน้า เรียกว่าโชคเดินเข้ามาหาแต่เช้า แต่เธอเกือบจะปล่อยให้โชคหลุดมือไปแล้ว เพราะไปติดอยู่กับความคิดที่ว่า ถ้าเป็นเงินจริง ๆ ก็ต้องมีคนเก็บไปแล้ว เหตุผลอย่างนี้ไม่มีใครเถียง แต่การที่ธนบัตรทั้ง ๓ ใบไม่มีใครเก็บไป อาจเป็นเพราะสาเหตุต่าง ๆ มากมาย ไม่ใช่เพียงเพราะว่ามันเป็นของปลอมเท่านั้น เป็นไปได้ว่า ไม่มีคนสังเกตเห็นก็ได้

ของจริงปรากฏอยู่ต่อหน้าหมวยชัด ๆ แต่เธอกลับปฏิเสธ ก็เพราะเหตุผลหรือตรรกะบางอย่างมาบดบัง ยังดีที่เพื่อนมีน้ำใจ เธอจึงได้ “ส่วนแบ่ง”ไป ๑,๐๐๐ บาท ถ้าเป็นคนอื่น เขาอาจเก็บไว้คนเดียวก็ได้ ในกรณีนี้ยังถือว่าเธอยังโชคดีอยู่ อย่างน้อยก็ได้เงิน ๑,๐๐๐ บาทฟรี ๆ

แต่หลายคนไม่ได้โชคดีเหมือนหมวย เพราะเขายังยึดมั่นในความคิดหรือเหตุผลของตนอย่างเหนียวแน่น จนลืมไปว่าความคิดหรือเหตุผลของตนนั้นมีโอกาสผิดได้ เพราะความคิดนั้นไม่ใช่ “ความจริง” ความคิดที่ประเสริฐนั้นอาจใกล้เคียงความจริงอย่างยิ่ง แต่ก็หาใช่ความจริงไม่ เช่นเดียวกับแผนที่เส้นทาง ไม่ว่าจะละเอียดแค่ไหน ก็ยังไม่ใช่เส้นทางจริง ๆ บ่อยครั้งเส้นทางจริง ๆ ก็แตกต่างจากแผนที่ ใครที่เชื่อแผนที่ในมือว่าถูกต้องสมบูรณ์ จนถึงกับไม่ยอมรับความเป็นจริงของเส้นทางที่ปรากฏต่อหน้าต่อตา ก็เตรียมตัวหลงทางไว้ได้เลย

ความคิดหรือเหตุผลใด ๆ ก็ตาม หากยึดมั่นถือมั่นมากไป ก็ทำให้มองไม่เห็นความจริง หรือทำให้ความจริงหลุดมือไปได้อย่างน่าเสียดาย ทั้ง ๆ ที่อาจเป็นสิ่งที่เรารัก หวงแหนหรือปรารถนาด้วยซ้ำ ติช นัท ฮันห์ เคยเล่าถึง ชายคนหนึ่งซึ่งทำไร่อยู่อยู่ชายป่า ทั้งบ้านมีเพียงเขากับลูกน้อย วันหนึ่งเขาออกไปทำไร่ ทิ้งลูกน้อยไว้ที่บ้าน ตกเย็นกลับมาปรากฏว่าทั้งบ้านกลายเป็นซากปรักหักพังและเถ้าถ่านเพราะถูกไฟไหม้ เขาตกใจมากที่ไม่พบวี่แววของลูกน้อย จึงเข้าไปขุดค้นหาร่างของลูกในกองซาก ในที่สุดก็พบกระดูกและอัฐิ เขาทำศพให้ลูกตามพิธีทางศาสนาด้วยความเศร้าโศกเสียใจอย่างยิ่ง หลังจากนั้นก็ย้ายไปตำบลอื่น

๑๕ ปีหลังจากนั้น ขณะที่เขากำลังจะเข้านอน ได้ยินเสียงเคาะประตู เขาถามว่า “ใคร ?” บุคคลที่อยู่อีกด้านของประตูพูดตอบมาว่า “ พ่อ ๆ ผมลูกพ่อไงล่ะ” เขาชะงักอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ตะโกนออกไปว่า “โกหก ลูกฉันตายไปนานแล้ว” ชายแปลกหน้าก็ยังยืนยันว่า เป็นลูกของพ่อ และอธิบายว่า วันนั้นเขาถูกโจรลักพาตัวไป แล้วโจรก็เผาบ้านพร้อมกับเอาศพของเด็กคนหนึ่งมาวางไว้ในบ้าน ทำทีให้เข้าใจไปว่าเขาตายในกองเพลิง ตลอดเวลา ๑๕ ปีที่ผ่านมาเขานึกถึงพ่อเสมอ และหลังจากหนีออกมาได้ก็ตามหาพ่ออยู่หลายปี จนได้ข่าวว่าพ่อย้ายมาอยู่ที่นี่

แต่ชายเจ้าของบ้านก็ยังไม่ยอมเชื่อ เพราะเขาแน่ใจว่าลูกตายแล้ว ทั้งยังได้เก็บกระดูกและทำพิธีศพกับมือ จึงไม่ยอมเปิดประตูและไล่ให้ชายแปลกหน้านั้นออกไป ส่วนชายหนุ่มก็ยังยืนยัน ร่ำร้องขอให้พ่อเปิดประตูรับเขา แต่จนแล้วจนรอดประตูก็ยังปิดตาย ในที่สุดเขาจึงหันหลังและเดินคอตกออกไป นับแต่นั้นก็ไม่มีข่าวคราวจากเขาอีกเลย

แท้ที่จริงชายหนุ่มผู้นั้นคือลูกของเจ้าของบ้าน แต่ความที่ฝ่ายหลังเชื่อมั่นว่าลูกของตนตายไปแล้ว เขาจึงปฏิเสธที่จะเปิดประตูต้อนรับลูกของตน ทั้ง ๆ ที่เฝ้าคิดถึงมาตลอด ๑๕ ปี ในที่สุดสิ่งที่เขารักและหวงแหนมากที่สุดในชีวิตก็จากเขาไปอย่างถาวร เพราะใจของเขาเต็มไปด้วยความยึดมั่นในความคิดที่มีอยู่ จนไม่ว่างพอที่จะเปิดรับความจริงที่แตกต่างออกไป แม้เป็นความจริงที่น่าพึงปรารถนาก็ตาม

เมื่อปีที่แล้วมีเหตุการณ์คล้าย ๆ กับเรื่องข้างต้น แต่จบลงด้วยดี เรื่องมีอยู่ว่า สามีภรรยาคู่หนึ่งมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง แล้วจู่ ๆ ฝ่ายหญิงก็หายตัวไป หลังจากนั้นไม่กี่วัน ก็มีผู้พบศพหญิงคนหนึ่งถูกฆาตกรรมในคูน้ำไม่ไกลจากบ้านของทั้งสองมากนัก สามีผู้นั้นถูกตำรวจเชิญตัวไปดูศพ เขายืนยันว่านั่นเป็นภรรยาของเขาเอง เขารู้สึกเสียใจมากที่ภรรยาจากไปในลักษณะนั้น แต่ยังดีที่เขาไม่ถูกตั้งข้อหาว่าฆาตกรรมภรรยาตนเอง

หกเดือนต่อมาก็มีเหตุการณ์น่าตกตลึงในละแวกนั้น เพราะมีผู้พบเห็นหญิงผู้นั้นเดินอยู่กลางตลาด ใครเห็นก็ขนลุกทั้ง ๆ ที่เป็นกลางวันแสก ๆ หญิงผู้นั้นเดินตรงไปยังบ้านของเธอ เมื่อถึงบ้าน เธอก็เปิดประตูเดินเข้าไปข้างใน พอดีกับที่สามีกำลังจะออกไปธุระ พอสามีเห็นร่างของภรรยา ก็ถึงกับทรุดตัวลงคุกเข่า พนมมือด้วยความตื่นตระหนก พร้อมกับพูดว่า “ ไปที่ชอบ ๆ เถิด” เขาคาดไม่ถึงว่าผีภรรยาจะเฮี้ยนขนาดนี้ ส่วนภรรยาก็งงงวยอย่างหนักว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะตลอดทางมีแต่ผู้คนแสดงอาการหวาดผวาเมื่อเห็นเธอ ไม่เว้นแม้แต่สามีของเธอ จึงตวาดเสียงดังว่า “เกิดอะไรขึ้น ทำไมทำท่าเหมือนกับเห็นผี” สามีได้สติเลยถามว่า “เธอไม่ใช่ผีหรือ?” ภรรยายืนยันว่า “จะเป็นผีได้ยังไง คนแท้ ๆ มาจับเนื้อจับตัวดูสิ”

พอสามีแน่ใจว่าเธอไม่ใช่ผีแน่ จึงถามว่าเธอหายไปไหนมาหลายเดือน เธอจึงอธิบายว่า หลังจากที่ทะเลาะกับสามี ก็หนีออกจากบ้าน ไปทำมาหากินที่ภูเก็ต ตลอดเวลาดังกล่าวน้อยใจสามีจึงไม่ได้ติดต่อกลับไปเลย แต่ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นแล้ว จึงกลับมาบ้าน

ความคิดและความเชื่อว่าภรรยาของตนตายไปแล้ว ทำให้สามีนึกว่าเจอผีเมื่อเห็นภรรยากลับมาบ้าน ทุกคนในละแวกบ้านก็เข้าใจเช่นนั้น อย่างไรก็ตามเรื่องนี้จบลงด้วยความสุขของสามีที่ได้ภรรยากลับคืนมา แต่กลับสร้างความปวดหัวให้แก่ตำรวจเพราะต้องกลับมาสืบหาใหม่ว่าผู้หญิงที่เป็นศพในคูน้ำนั้นคือใครกันแน่

ความจริงที่ไม่พึงปรารถนา เรามักไม่ยอมรับเพราะมันขัดกับความรู้สึก ที่มีอยู่ รถหาย คนรักตาย เป็นสิ่งที่หลายคนยอมรับไม่ได้เพราะยังมีความรักความผูกพันอยู่ แต่แม้จะประสบกับความจริงที่พึงปรารถนา เช่น เห็นเงินตกอยู่บนพื้น หรือลูกที่หายไปนานหวนกลับมา หลายคนก็ยังปฏิเสธที่จะยอมรับ ก็เพราะมันขัดแย้งกับความคิดที่ยึดถืออยู่ ต่อเมื่อปล่อยวางความคิดนั้นลง หรือเปิดใจรับความจริงที่แตกต่างออกไป ก็จะได้พบกับสิ่งที่น่าปรารถนาหรือ “โชค” ดังสามีผู้นั้นที่ได้ภรรยากลับคืนมา ใช่หรือไม่ว่าโชคมักจะมาเยี่ยมเยือนเราบ่อย ๆ แต่เป็นเราเองที่ปฏิเสธมันไป

ความคิดหรือเหตุผลไม่เพียงช่วยให้เราเข้าใจโลก สามารถเห็นความจริงลึกไปกว่าที่ตามองเห็นเท่านั้น หากยังเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหา หรือพาเราหนีห่างจากอันตรายและความทุกข์ แต่ถ้าเรายึดมั่นถือมั่นกับมันมากเกินไป มันอาจพาเราเข้าสู่ความทุกข์เสียเอง หากสามีปักใจเชื่อว่าภรรยานอกใจเพราะเห็นเธอนั่งคุยกับชายหนุ่มในร้านอาหารอยู่หลายครั้ง เขาก็จะเห็นอากัปกิริยาทุกอย่างของเธอมีพิรุธตลอดเวลา ดังนั้นจึงมีอาการหน่ายแหนงชิงชังและเหินห่างจากเธอ ซึ่งเท่ากับผลักเธอให้ออกห่างจากเขาไปเรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงเธอยังซื่อตรงเขาอยู่ ส่วนชายหนุ่มในคอฟฟี่ช็อปก็เป็นแค่เพื่อนร่วมงานหรือญาติที่เพิ่งกลับจากต่างประเทศ

ในทำนองเดียวกัน ถ้าคุณกำลังขับรถอยู่ จู่ ๆ มีรถคันหนึ่งแซงคุณจนเกือบจะปาดหน้า ส่วนคนในรถก็เปิดหน้าต่างตะโกนพร้อมกับยกไม้ยกมือใส่คุณ คุณคิดว่าคุณควรทำอย่างไรดี ถ้าคุณตัดสินใจเร่งเครื่องเพื่อปาดหน้ารถคันนั้นเป็นการตอบโต้ เท่านั้นยังไม่พอ ยังตะโกนด่าเขาด้วย ในใจก็นึกสะใจที่แก้แค้นเขาได้ คุณอาจกำลังสร้างศัตรู หรือทำตัวเยี่ยงอันธพาลเลยก็ได้ เพราะรถคนนั้นพยายามส่งสัญญาณบอกคุณว่าประตูรถของคุณปิดไม่สนิท เขาหาได้เป็นอย่างที่คุณคิดไม่

ความคิดนั้นเชื่อมากไปก็ไม่ดี ควรทักท้วงหรือคิดเผื่อไปในทางอื่นดูบ้าง เพราะมันอาจพาเราเข้ารกเข้าพงไปเลยก็ได้ แม้สิ่งที่คิดนั้นดูเหมือนจะมีเหตุมีผลก็ตาม อย่าลืมว่าคนเราเวลาจะทำชั่ว ก็มีเหตุผลสวยหรูเหมือนกัน คิม ชี ฮา กวีเกาหลีเคยกล่าวว่า “แม้แต่ผีห่าซาตาน ก็มีเหตุผลของมัน”

ความคิดนั้นเป็นบ่าวที่ดี แต่มักเป็นนายที่เลว ควรแล้วที่เราจะใช้มันอย่างเต็มที่ แต่อย่าเผลอปล่อยให้มันเป็นนายเราก็แล้วกัน

 

 
กำลังแสดงหน้าที่ 1 จากทั้งหมด 0 หน้า [หน้าถัดไปคือหน้าที่ 2] 1
 

 
เงื่อนไขแสดงความคิดเห็น
1. ทุกท่านมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระเสรี โดยไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ไม่กล่าวพาดพิง และไม่สร้างความแตกแยก
2. ผู้ดูแลระบบขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใด ๆ ต่อเจ้าของความคิดเห็นนั้น
3. ความคิดเห็นเหล่านี้ ไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมาย และไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้นกับคณะผู้จัดทำเว็บไซต์

ชื่อ :

อีเมล์ :

ความคิดเห็นของคุณ :
                                  

              * ใส่รหัสจากภาพที่เห็นลงในช่องด้านล่าง และใส่คำตอบจากคำถาม เพื่อยืนยันการส่งความเห็น
  และสำลีสีอะไร
    

          ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการแสดงความคิดเห็นโดยสาธารณชน ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าชื่อผู้เขียนที่้เห็นคือชื่อจริง และข้อความที่เห็นเป็นความจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ boyoty999@google.com  เพื่อให้ผู้ดูแลระบบทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้