เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (ผอ.สพท.) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ขออนุมัติดำเนินการประกาศรับสมัครคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรอง ผอ.สพท. ตำแหน่งโครงสร้างที่ว่างในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) และในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) จำนวน 169 ตำแหน่ง แบ่งเป็น รอง ผอ.สพป.126 ตำแหน่ง และรอง ผอ.สพม.43 ตำแหน่ง ซึ่งเดิม สพฐ.ได้เคยนำเสนอในที่ประชุม ก.ค.ศ.ครั้งที่ผ่านมาว่าจะให้มีการย้ายรอง ผอ.สพท.ที่เป็นตำแหน่งชั่วคราวและมีเงื่อนไขไปดำรงตำแหน่งรอง ผอ.สพท.ที่ว่างอยู่ แต่เนื่องจากจะมีผลกระทบกับบุคลากรทางการศึกษาอื่นที่มีคุณสมบัติที่จะเข้ารับการคัดเลือกที่จะไม่สามารถเข้ารับการคัดเลือกในครั้งนี้ได้หากมีการดำเนินการย้ายรอง ผอ.สพท.เช่นนี้ ดังนั้น ที่ประชุม ก.ค.ศ.ที่ผ่านมาจึงมอบหมายให้สำนักงาน ก.ค.ศ.ไปพิจารณาแนวทางการสรรหาอีกครั้งหนึ่ง และสำนักงาน ก.ค.ศ.ได้นำเรื่องนี้เสนอต่อคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) วิสามัญเกี่ยวกับการพัฒนานโยบายและการบริหารงานบุคคลเห็นชอบใน 2 แนวทาง คือ
1.อาจย้ายรอง ผอ.สพท.ที่เป็นตำแหน่งชั่วคราวและมีเงื่อนไขไปดำรงตำแหน่งรอง ผอ.สพท.ที่เป็นตำแหน่งโครงสร้างตามตำแหน่งที่ว่าง หรือ
2.อาจกำหนดสัดส่วนตำแหน่งว่างเป็น 50:50 เพื่อใช้ในการย้าย และเพื่อการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งรอง ผอ.สพท.ใหม่
และเมื่อได้หารือร่วมกันระหว่างสำนักงาน ก.ค.ศ. ผู้แทนข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาที่เกี่ยวข้องก็มีความเห็นสอดคล้องกันในแนวทางที่ 2 ในเรื่องการกำหนดสัดส่วน 50:50 ทั้งนี้ ที่ประชุม ก.ค.ศ.พิจารณาแล้วเห็นว่ากรณีการสรรหารอง ผอ.สพป. และรอง ผอ.สพม.ตามที่ สพฐ.เสนอนั้น ควร ชะลอไว้ก่อนจนกว่าคดีการฟ้องร้องที่ศาลปกครองพิษณุโลกและศาลปกครองกลางในกรณีการสรรหา ผอ.สพท.ที่มีการฟ้องร้องกันก่อนหน้านี้นานแล้ว จะมีคำพิพากษาออกมาเพราะหากให้ดำเนินการสรรหาไป อาจ เกิดปัญหาฟ้องร้องเช่นเดียวกันได้
รัฐมนตรีว่าการ ศธ.กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบร่างหลักเกณฑ์และวิธีการ คัดเลือกข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์ ซึ่งได้กำหนดสาระสำคัญไว้ อาทิ ผู้มีสิทธิเข้ารับการคัดเลือกต้องเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สังกัดส่วนราชการนั้น มีวุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการศึกษา หรือทางอื่นที่ ก.ค.ศ.เทียบเท่า ดำรงตำแหน่งครูมาแล้วไม่น้อยกว่า 4 ปี สำหรับผู้มีวุฒิปริญญาตรี และ 2 ปีสำหรับผู้มีวุฒิปริญญาโทขึ้นไป หรือดำรงตำแหน่งอื่นที่ ก.ค.ศ.เทียบเท่า และมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ (ศึกษานิเทศก์) ให้ส่วนราชการกำหนดวันรับสมัครคัดเลือก วันสอบคัดเลือก ออกข้อสอบ ภาค ก และประมวลผลการคัดเลือก และภาค ข กำหนดตัวชี้วัด และคะแนนแต่ละองค์ประกอบการประเมินประวัติและผลงานที่เป็นปรนัย และให้ส่วนราชการกำหนดนโยบาย หรือแนวทางในการบริหารจัดการในการดำเนินการสอบแข่งขันให้มีมาตรฐาน มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า เป็นต้น ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณาเรื่องที่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ยื่นขอมีและเลื่อนวิทยฐานะในปี 2552 ที่ ยังต้องรอกระบวนการอบรมและพัฒนาก่อน ซึ่งหลักเกณฑ์การอบรมดังกล่าว เพิ่งมากำหนดมาในช่วงปี 2554 ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีมติว่าเมื่อมีการผ่านการอบรมและพัฒนา และการได้รับวิทยฐานะมีผลแล้ว จะให้มีผลย้อนหลังไปจนถึงวันที่ยื่นขอวิทยฐานะ