ปัจจัยหลักที่ทำให้ของแพง คือ ราคาน้ำมัน
นำเข้าเมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2555 โดย ตาสว่างหรือยัง
อ่าน [58526]  

ปัจจัยหลักที่ทำให้ของแพง คือ ราคาน้ำมัน.....

ปัจจัยหลักที่ทำให้ของแพง คือ ราคาน้ำมันและก๊าซเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น(มากกว่าอเมริกา และประเทศเพื่อนบ้าน) เพียงเพื่อกำไรสองแสนล้านบาทกับผู้ถือหุ้นไม่กี่ตระกูล ตราบใดที่ราคาพลังงานสูงขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ตราบนั้นสินค้าไม่มีทางถูกลง ...

ขออีกครั้งหนึ่ง... (ประวัติศาสตร์ รัฐวิสาหกิจ เริ่มจาก พระปรีชาญาณของ ร.๕ "พระปิยมหาราช)

รัฐวิสาหกิจ ต้นทุนของสังคมไทย

จุดเริ่มต้นของการแปรรัฐวิสาหกิจ...

พ.ศ.๒๕๓๕-๒๕๓๖ ประเทศไทย : การเปิดรับ บีไอบีเอฟ ทำให้มีการนำเข้าเงินกันมโหฬาร เกิดการปั่นหุ้นการลงทุนในตลาดหุ้น ผลสรุป ประเทศไทยเกิดภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจที่เรียกว่า "วิกฤติต้มยำกุ้ง" ในพ.ศ.๒๕๔๐ มีผลกระทบไปทั่วโลก และไอเอ็มเอฟเข้ามาบังคับให้ไทยออกกฎหมาย ๑๑ ฉบับมีการยุบสถาบันการเงิน ขายรัฐวิสาหกิจ ฯลฯ มีการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาลไทยโดยกลุ่มทุนนิยมเข้ามามีบทบาททางการเมืองมากกว่าในสมัยใด ๆ ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันนี้
ราคาทองคำ ปี ๒๕๔๕ บาทละประมาณ ๗ พันบาท
ราคาทองคำ ปี ๒๕๕๕ บาทละประมาณ ๒ หมื่น ๕ พันบาท
สรุป ๑๐ ปีผ่านไป ราคาทองขึ้นไปประมาณ ๑ หมื่น ๘ พันบาท
ผู้ที่เกษียณอายุปัจจุบัน อาจได้รับเงินพอเลี้ยงตนเองได้อย่างพอเพียง แต่เวลาผ่านไป ๑๐-๑๕ ปี ทำไมค่าเงินลดอย่างรวดเร็ว การเก็บออมที่ดอกเบี้ยต่ำกว่าเงินเฟ้อ จึงเท่ากับเป็นการฉ้อฉลทางการเงิน นี้ยังไม่ได้พูดถึงคนหาเช้ากินค่ำที่ไม่มีเงินเดือนประจำ หรือเกษตรกรส่วนใหญ่นะ คุณภาพประชากรไทยน่าจะตกต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ

ส่วนรัฐวิสาหกิจก็คือ การสร้างความช่วยเหลือโดยนำเทคโนโลยีที่มีขึ้นและประยุกต์ใช้ในส่วนการขนส่ง การไฟฟ้า การพลังงาน และการสื่อสาร กับสังคมไทย โดยมีรัฐ(กลุ่มทรงปัญญาไทย ที่ไม่เห็นแก่ตน)เป็นผู้ค้ำให้ดำรงอยู่ช่วยเป็นโครงสร้างพื้นฐานของไทย ด้วยว่าชนชาวไทยมีอาชีพเกษตรกรรมเป็นพื้นฐาน "ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว" ซึ่งท่านเหล่านั้นยอมลำบาก เพื่อให้คนไทยและผู้เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสัมภารอยู่ดีเป็นสุข

กาลเวลาผ่านไปผู้เข้ามาเป็นรัฐได้เห็นช่องทาง จึงป่าวประกาศว่า "ด้วยการเลือกตั้ง กระผม, ดิฉัน จะทำให้พี่น้องชาวไทยได้ใช้สาธารณูปโภคของรัฐอย่างฟรีๆ โปรดเลือกข้าพเจ้าเป็นผู้แทนปวงชนด้วยเถิด...

สำเร็จครับ!!! รัฐวิสาหกิจที่จะต้องช่วยเหลือสังคมไทย และทำตามนโยบายผู้ที่มีอำนาจของรัฐฯ ต้องรับภาระการขาดทุน เพื่อการได้คะแนนเสียงของผู้แทนฯ นานไปก็ต้องถูกยุบไป เพราะไม่มีประสิทธิภาพ (ไม่สามารถค้ากำไรได้)

เมื่อปรับเปลี่ยนเป็นบริษัทมหาชนจึงค้ากำไรได้ทันที ประชาชนจึงได้รับประโยชน์ (หรือการเอาเปรียบโดยทุนนิยม)จริงหรือที่ส่วนใหญ่ของชนชาวไทย(ส่วนน้อยเพียง ๗๗ วินาที) ได้มีหุ้นอยู่ในตลาดอยู่แล้ว ?

ปตท.กำลังแปรเป็นกลุ่มทุนเต็มรูป....

คิดถึงอดีตก่อนที่จะเป็น ปตท. ขณะนี้

การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (สมัยเป็นรัฐวิสาหกิจ) ตรึงราคาน้ำมันเพื่อเศรษฐกิจของประเทศไทย

สามทหารไทย (ชื่อกิจการน้ำมันของประเทศไทยสมัยก่อน) ก็ตรึงราคาน้ำมันเพื่อเศรษฐกิจของประเทศไทย

ปัจจุบัน ปตท ตรึงการลงราคาน้ำมันและก๊าซเชื้อเพลิงเพื่อผู้ถือหุ้นได้กำไรสูงสุดไม่กี่ตระกูล

บุคคลใดที่เกี่ยวข้องกับตลาดหลักทรัพย์แล้วเป็นนักการเมือง ท่านต้องอย่าลืมว่า บรรพบุรุษไทยได้เสียสละคิดสร้างประโยชน์ต่อสังคมอย่างมากมาย มิได้แสวงหากำไรเพียงเฉพาะกลุ่ม หรือเฉพาะสนองตอบนัการเมืองเท่านั้น...

หมายเหตุ หลังจาก ปตท. แปรรูปเป็นบริษัทมหาชนแต่ยังมีกระทรวงการคลังถือหุ้นเกินร้อยละ ๕๐ ในปี ๒๕๕๕ โดยรัฐบาลปัจจุบันมีนโยบายให้กองทุนวายุภักดิ์ เข้าถือหุ้นของกระทรงการคลัง และให้เหลือน้อยกว่าร้อยละ ๕๐ อันจะมีผลให้เกิดการผูกขาดและเปลี่ยนกิจการให้เอกชนมีส่วนเข้ามาค้ากำไรมากขึ้นตามลักษณะของทุนนิยม
ข่าวด่วนล่าสุด ที่อาร์เจนติน่า รัฐบาลกำลังซื้อคืนบริษัทมหาชนด้านกิจการน้ำมัน (YPF) ที่หุ้นใหญ่เป็นของสเปนคืนสู่รัฐเนื่องจากทนต่อความเหลื่อมล้ำในกิจการพลังงานในประเทศไม่ไหว.

 

 

 
กำลังแสดงหน้าที่ 1 จากทั้งหมด 0 หน้า [หน้าถัดไปคือหน้าที่ 2] 1
 

 
เงื่อนไขแสดงความคิดเห็น
1. ทุกท่านมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระเสรี โดยไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ไม่กล่าวพาดพิง และไม่สร้างความแตกแยก
2. ผู้ดูแลระบบขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใด ๆ ต่อเจ้าของความคิดเห็นนั้น
3. ความคิดเห็นเหล่านี้ ไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมาย และไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้นกับคณะผู้จัดทำเว็บไซต์

ชื่อ :

อีเมล์ :

ความคิดเห็นของคุณ :
                                  

              * ใส่รหัสจากภาพที่เห็นลงในช่องด้านล่าง และใส่คำตอบจากคำถาม เพื่อยืนยันการส่งความเห็น
  และสำลีสีอะไร
    

          ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการแสดงความคิดเห็นโดยสาธารณชน ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าชื่อผู้เขียนที่้เห็นคือชื่อจริง และข้อความที่เห็นเป็นความจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ boyoty999@google.com  เพื่อให้ผู้ดูแลระบบทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้