เหลือเวลาอีก 3 ปี "อาเซียนหนึ่งเดียว"จะเริ่มขึ้นไม่ใช่แค่พม่าที่ตื่นตัว.....เราจะไปทางไหน
ผลการเลือกตั้งซ่อมพม่าไม่ว่าจะออกทางไหนจากกระแสความตื่นตัวย่อมสะท้อนว่าพม่าพร้อมจะตื่นจากภวังค์หลังจากหลับใหลมากว่า 50 ปีเพื่อเปิดประเทศสู่โลกใหม่ หากเทียบการเปิดประตูบ้านระหว่างพม่ากับเวียดนามแล้ว พม่าดูจะคึกคักกว่าหลายเท่า
เหลือเวลาอีก 3 ปี "อาเซียนหนึ่งเดียว"จะเริ่มขึ้นไม่ใช่แค่พม่าที่ตื่นตัว เพื่อนบ้านเกือบทุกประเทศต่างตื่นตัวอย่างคึกคักวางยุทธศาสตร์กันแล้วว่าจะไปทางไหนมีแต่ไทยที่ยังจมปลักความขัดแย้งทางการเมือง
ไม่ว่าจะเป็น "สิงคโปร์"ที่ถือว่า มีความรู้ความเชี่ยวชาญเรื่องธุรกิจการค้า การเงินมากที่สุด ก็วางยุทธศาสตร์ประเทศจะเป็น "เทรด แอนด์ไฟแนนซ์ ฮับ" จะเป็นศูนย์กลางการค้าการเงินระดับโลกในอนาคต
"มาเลย์"ก็ได้ประกาศนโยบายต่อสภาผู้แทนฯ กำหนดยุทธศาสตร์ประเทศด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตและบริการ 12 ประเภท ส่วนอินโดนีเซีย ซึ่งมีจุดแข็งที่เป็นตลาดใหญ่ประชากรกว่า 200 ล้านคน ได้วางยุทธศาสตร์ประเทศ "โลว์คอสต์ ออโตโมทีฟ"
ฉะนั้นอย่าตกใจที่มีข่าว "ฮอนด้า"ลงทุนตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ในอินโดนีเซียและจะเป็นคู่แข่ง "ดีทรอยต์แห่งเอเชีย"ของไทยในอนาคต
ขณะที่ฟิลิปปินส์ ที่มีจุดแข็งทางด้านภาษาอังกฤษ คนมีความคิดสร้างสรรค์ จึงวางยุทธศาสตร์ประเทศเป็น "เซอร์วิส เอาต์ซอส"เป็นธุรกิจที่รับจ้างบริการต่างๆ อาทิ เป็น "คอลเซ็นเตอร์"ของบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกเพราะได้เปรียบภาษา ปัจจุบันบริษัทยักษ์ใหญ่มักจะย้ายคอลเซ็น เตอร์มาอยู่ในต่างประเทศเพื่อลดต้นทุน ประเทศที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในเรื่องนี้คือ "อินเดีย"
หลายคนคงไม่รู้ว่า ภาพปกนิตยสารชื่อดังของโลก ไม่ว่าจะเป็น ไทม์ อีโคโนมิสต์ ส่งมาออกแบบปก ทำกราฟิก ดีไซน์ที่ฟิลิปปินส์ "เซอร์วิส เอาต์ซอส" จึงกลายเป็นยุทธศาสตร์ประเทศ
ส่วนไทยเราคงต้องหันมาดูศักยภาพตัวเองว่าจุดแข็งที่มีอยู่จะเค้นให้เป็นยุทธศาสตร์ประเทศได้อย่างไร รัฐบาลที่ผ่านๆ มากำหนดยุทธศาสตร์ไม่ซ้ำกัน คนใหม่มาก็โยนของเก่าทิ้ง เคยคิดจะเป็น "ครัวโลก"แต่ก็ไม่คืบ จะเป็น "เมดิคัลฮับ"ก็ไปไม่ถึงไหน สะเปะสะปะไปหมด
ขนาดลาวยังกำหนดยุทธศาสตร์เป็น "แบตเตอรี่แห่งเอเชีย"เพราะมีปริมาณน้ำมหาศาลสร้างเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าขายต่อประเทศเพื่อนบ้าน
คนอื่นเขารู้แล้วว่าจะไปทางไหน มีแต่เราที่ยังไม่รู้ตัวเองว่าจะเป็นอะไรดี